Loading ...

$show=home

จุดเริ่มต้นของการศึกษาสามก๊ก

แหล่งศึกษาเรียนรู้ ทุกเรื่องราวของวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลก

สามก๊กวิทยา : THREE KINGDOMS ACADEMY

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักร
"สามก๊กวิทยา"
THREE KINGDOMS ACADEMY

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78

ebook สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78

เนื้อหา

• ขงเบ้งเกลี้ยกล่อมราษฎร 
• ขงเบ้งดูดาวรู้ว่าจะตาย 
• ขงเบ้งตาย 
• อุยเอี๋ยนเป็นกบฏ


ฝ่าย ขงเบ้งเมื่อตั้งอยู่ ณ เขากิสานนั้น มิได้เห็นสุมาอี้ออกรบพุ่งเปนช้านาน ก็คิดว่าการศึกนี้จะยืดยาวอยู่ จึงให้ทหารเลวทั้งปวงไปเอาใจผูกรักบันดาชาวบ้านนอกในแดนเมืองลกเอี๋ยง ขอช่วยทำนาปลูกผักฟักถั่ว ครั้นเปนผลแล้วทหารทั้งปวงให้เจ้าของสองส่วนขอเอาส่วนหนึ่ง แล้วเหล่าทหารขงเบ้งมิได้ข่มเหงชาวบ้านนอกเลย ราษฎรทั้งปวงมีใจรักขงเบ้งเปนอันมาก

ฝ่ายสุมาสูบุตรสุมาอี้รู้ดังนั้นจึงบอกแก่บิดาว่า บัดนี้ทหารขงเบ้งไปเที่ยวผูกรักแก่ชาวบ้านนอกช่วยทำมาหากิน ได้เข้าปลาอาหารไว้เปนกำลังมาก อนึ่งราษฎรทั้งปวงก็มีใจรักขงเบ้งเปนอันมาก ซึ่งบิดาจะนิ่งอยู่ไม่รบพุ่งฉนี้ข้าศึกก็จะมีใจกำเริบขึ้น สุมาอี้จึงตอบว่า พระเจ้าโจยอยให้ตั้งมั่นไว้ ครั้นเราจะรบพุ่งก็จะผิดกับรับสั่ง

พออุยเอี๋ยนเอาหมวกทองของสุมาอี้ใส่ปลายไม้มาร้องด่าว่าเปนข้อหยาบช้าที่ หน้าค่าย สุมาอี้มิได้ว่าประการใด ขุนนางแลทหารทั้งปวงได้ยินดังนั้นก็โกรธ ต่างคนต่างแต่งตัวใส่เกราะจะออกไปรบกับอุยเอี๋ยน สุมาอี้จึงห้ามว่าอย่าออกไปเลย อันโบราณกล่าวไว้ว่าเหตุการณ์นิดหนึ่งจะพาให้เสียการใหญ่ ทหารทั้งนั้นก็ฟังคำสุมาอี้ อุยเอี๋ยนร้องเย้ยเยาะอยู่จนเวลาเย็น มิได้เห็นผู้ใดออกมารบพุ่งก็พาทหารกลับเข้าค่าย

ขงเบ้งจึงให้ม้าต้ายคุมทหารไปตัดไม้ทำค่ายณปากทางเฮาโลก๊ก แล้วให้ชุดหลุมเอาไม้ผุแลหญ้าฟางมาใส่ไว้ในหลุม เอาดินประสิวสุพรรณถันปรายไว้เปนเชื้อเอาชะนวนฝักแคล่ามไว้ จึงเอาดินแลหญ้าเกลี่ยเสีย ที่ในเขาเฮาโลก๊กนั้นให้ทำทับน้อย ๆ แลตึกดินไว้ ให้เอาดินประสิวสุพรรณถันมาใส่ไว้ในตึกแลทับจึงล่ามชะนวนไว้ ครั้นเวลาค่ำให้จุดโคมเจ็ดใบแขวนไว้เปนสำคัญ ม้าต้ายก็ให้ทำตามขงเบ้งสั่ง

ขงเบ้งจึงสั่งอุยเอี๋ยนให้คุมทหารห้าพันไปร้องท้าทายสุมาอี้ แม้สุมาอี้ออกรบท่านจงต่อสู้ป้องกันหน่วงไว้กว่าจะพลบคํ่า จึงล่อให้ไล่เข้ามาตรงโคมสำคัญเราจะจับเอาตัวให้ได้ จึงสั่งโกเสียงให้จัดทหารคุมโคยนตร์ไปกองละสี่สิบห้าสิบ แม้เห็นสุมาอี้ออกมาตี จึงให้ทิ้งโคยนตร์เสีย แล้วสั่งทหารให้ยกเปนกอง ๆ ไปซุ่มอยู่ ถ้าเห็นทหารข้าศึกยกออกมาตีกีให้ทหารเราทำถอยหนีเสีย ต่อสุมาอี้ออกมาเองจึงชวนกันเข้ารบพุ่งจงสามารถ นายทหารทั้งนั้นก็คุมกันไปทำการตามคำขงเบ้งสั่ง ขงเบ้งจึงคุมทหารกองหนึ่งไปตั้งอยู่บนเนินเขาเปนต้นลม

ฝ่ายแฮหัวโฮแฮหัวฮุยเห็นดังนั้นจึงเข้าไปบอกสุมาอี้ว่า ขงเบ้งให้ตั้งค่ายอยู่บนเนินเขาแลปากทางเฮาโลก๊ก แล้วตั้งทัพแลตึกดินน้อย ๆ รายอยู่เปนอันมาก ข้าพเจ้าเห็นการศึกครั้งนี้จะยืดยาว ขอให้ท่านคิดอ่านตัดเสียให้ทันที นานไปเห็นจะกำจัดขัดสนนัก สุมาอี้จึงตอบว่า ซึ่งข้าศึกทำการทั้งปวงนั้น เห็นจะเปนกลอุบายของขงเบ้ง ครั้นจะยกออกรบพุ่งก็เกรงจะเสียที

แฮหัวโฮแฮหัวฮุยจึงว่า ถึงขงเบ้งจะคิดกลศึกประการใด ข้าพเจ้าสองคนพี่น้องจะขออาสาออกไปตีเอาชัยชนะสนองพระคุณเจ้าเราให้ได้ สุมาอี้จึงว่า ท่านทั้งสองจะอาสานั้นเรามีความยินดีด้วย แต่ท่านจงคุมทหารคนละพันยกออกไปตีเปนสองกอง แฮหัวโฮแฮหัวฮุยก็คุมทหารออกจากค่าย พอม้าใช้มาบอกว่าบัดนี้ข้าศึกเข็นเกวียนสเบียงมาเปนอันมาก แฮหัวโฮแฮหัวฮุยแจ้งดังนั้น ก็บัญจบกันเข้าเปนกองเดียวยกไปโจมตีได้โคยนตร์แลสเบียงมาให้สุมาอี้เปนอัน มาก

ครั้นเวลารุ่งเช้าแฮหัวโฮแฮหัวฮุยก็คุมทหารออกไปรบพุ่ง จับทหารเลวได้ประมาณร้อยคน เอาเข้าไปให้สุมาอี้ ณ ค่าย สุมาอี้จึงถามทหารเลวว่า ขงเบ้งคิดการศึกประการใด ทหารทั้งนั้นจึงตอบว่า ขงเบ้งมิได้เห็นท่านออกไปรบพุ่งก็มีใจกำเริบคิดจะทำศึกยืดยาว จึงให้ข้าพเจ้าทั้งปวงไปเที่ยวทำไร่ปลูกผักฟักถั่ว ข้าพเจ้าทั้งนี้ประมาทไปทหารท่านจึงจับมาได้ สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วให้ปล่อยทหารนั้นเสีย

แฮหัวโฮจึงว่าแก่สุมาอี้ว่า เมื่อจับข้าศึกมาได้แล้วเหตุใดท่านจึงให้ปล่อยเสียเล่า สุมาอี้จึงตอบว่า ท่านหนุ่มแก่ความนัก จึงไม่ล่วงรู้ความคิดเรา ซึ่งเราให้ปล่อยทหารขงเบ้งเสียนั้น หวังจะให้เลื่องลือว่าใจเรานี้มิได้พยาบาทแก่ทหารเลว ถึงมาทว่าทำการศึกก็คิดเอาแต่นายทัพนายกองซึ่งเปนตัวการ ซึ่งเราทำทั้งนี้เปนกลอุบาย เหมือนครั้งลิบองรบกวนอู ณ เมืองเกงจิ๋ว ลิบองจับทหารกวนอูได้ก็ให้ปล่อยเสีย แฮหัวโฮเห็นชอบด้วย สุมาอี้จึงสั่งนายทหารทุกหมวดทุกกองว่า ถ้าผู้ใดจับได้ทหารขงเบ้งก็ให้ปล่อยเสีย แล้วให้ตรวจตราทหารเตรียมไว้ให้พร้อม

ฝ่ายขงเบ้งให้โกเสียงคุมโคยนตร์ขนสเบียงไป ณ ค่ายปากทางเฮาโลก๊กอยู่ทุกวัน มิได้ขาด แฮหัวโฮแฮหัวฮุยก็คุมทหารมาตีเอาโคยนตร์แลสเบียงทุกวัน ครั้นอยู่มาวันหนึ่งแฮหัวโฮแฮหัวฮุยคุมทหารไปโจมตี จับทหารขงเบ้งได้ประมาณห้าสิบคน จึงเอาไปให้สุมาอี้ ณ ค่าย สุมาอี้จึงถามทหารว่าขงเบ้งอยู่แห่งใด ทหารนั้นจึงบอกว่าขงเบ้งมาตั้งค่ายอยู่ ณ เนินเขาเซียมก๊ก ให้ทหารขนสเบียงไว้ในค่ายใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ปากทางเฮาโลก๊ก สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็ให้ปล่อยทหารทั้งห้าสิบเสีย แล้วสั่งนายทหารทั้งปวงว่า เวลาพรุ่งนี้ท่านยกไปตีเอาค่ายมั่นขงเบ้ง ณ เขากิสาน ตัวเราก็จะยกหนุนไป

สุมาสูจึงว่า ค่ายใหญ่ขงเบ้งนั้นอยู่ข้างหลัง ซึ่งขงเบ้งไปตั้งค่ายอยู่บนเนินเขาเซียมก๊กนั้นเยื้องเข้ามาเปนค่ายหน้า เหตุใดบิดามิได้สั่งให้ไปตีเอาค่ายหน้าก่อน จะด่วนให้ไปตีเอาค่ายหลังนั้นเกลือกขงเบ้งยกไปช่วย ทหารเราก็จะมิเสียทีหรือ สุมาอี้จึงว่า ค่าย ณ เขากิสานนั้นเปนค่ายมั่น แม้เรายกไปตีเห็นขงเบ้งแลทหารทั้งปวงก็จะยกไปช่วยค่ายใหญ่เปนมั่นคง เราจึงจะแยกทหารไปโจมตีเอาค่ายปากทางเฮาโลก๊กแลเนินเขาเซียมก๊กให้ได้ แล้วจะให้เผาเข้าปลาอาหารเสีย เมื่อขงเบ้งเสียสเบียงแล้ว เราก็จะทำศึกมีชัยชนะโดยง่าย ครั้นเวลารุ่งเช้าสุมาอี้จึงให้เตียวฮองงักหลิมคุมทหารห้าพันเปนกองหลังแล นายทหารทั้งปวงคุมทหารยกเปนกองๆไปหน้า สุมาอี้นั้นก็คุมทหารหนุนไป

ฝ่ายขงเบ้งอยู่บนค่ายเนินเขาเซียมก๊กนั้น แลลงไปเห็นสุมาอี้ยกมาเปนหลายกอง จึงสั่งทหารทั้งปวงว่า ถ้าเห็นกองทัพสุมาอี้ยกไปตีค่ายใหญ่เรา ณ เขากิสาน ท่านทั้งปวงจงลงไปทำเปนจะไปช่วยป้องกันค่ายใหญ่ แล้วจึงตลบหลังไปตีค่ายสุมาอี้ให้ได้ แลค่ายปากทางเฮาโลก๊กกับค่ายบนเนินเขานี้ไว้เปนพนักงานเราจะคิดอ่านทำการให้ สำเร็จ นายทหารทั้งนั้นก็มาจัดการเตรียมไว้

ฝ่ายสุมาอี้ครั้นเห็นกองทัพหน้าพ้นค่ายปากทางเฮาโลก๊กไป พอเวลาเย็นเห็นทหารขงเบ้งซึ่งตั้งอยู่เปนกอง ๆ นั้นพากันไปช่วยค่ายเขากิสาน สุมาอี้กับบุตรทั้งสองจึงพาทหารเข้าไปจะตีค่ายปากทางเฮาโลก๊ก อุยเอี๋ยนเห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนออกมาร้องว่า สุมาอี้จะหนีไปไหนยังจะพ้นมือกูหรือ

สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็โกรธขับม้าเข้ารบกับอุยเอี๋ยนได้สามเพลง อุยเอี๋ยนทำชักม้าหนีล่อเข้าไปตามทางซึ่งมีโคมสำคัญ สุมาอี้กับบุตร์ก็ขับม้าตามเข้าไปถึงปากทางเฮาโลก๊กมิได้เห็นผู้ใด จึงให้ทหารเข้าไปดูในช่องแคบ ทหารกลับออกมาบอกว่าเฮาโลก๊กนั้นมีแต่ทับตึกดินน้อย ๆ ตั้งอยู่ตามเนินเขา มิได้เห็นทหารขงเบ้งอยู่แต่สักคนหนึ่ง สุมาอี้จึงพาบุตร์แลทหารทั้งปวงเข้าไปจากค่ายปากทาง เห็นทับน้อย ๆ มีแต่หญ้าฟางอยู่เปนอันมาก จึงว่าที่นี้ขงเบ้งคิดจะย้ายเอาสเบียงมาซ่อนไว้ อันในหุบเขานี้จำเพาะมีทางเข้าออกตามซอกแต่สองทาง แม้ขงเบ้งแต่งทหารมาซุ่มสกัดปากทางไว้ทั้งสองข้าง เราก็จะได้ความขัดสนนัก ครั้นว่าขาดคำลง พอได้ยินเสียงประทัดแลทหารโห่ร้องอื้ออึงขึ้น แล้วทั้งคบเพลิงลงมาจากเนินเขาเปนอันมาก เพลิงนั้นก็ติดชะนวนแลดินประสิวไหม้เชื้อแลทับขึ้น ทหารทั้งปวงตายด้วยเพลิงเปนอันมาก สุมาอี้เห็นดังนั้นก็สิ้นสติ ตกลงจากม้าเข้ากอดบุตร์ทั้งสองไว้ก็ร้องไห้รํ่าว่า ครั้งนี้ชีวิตเราพ่อลูกจะตายในที่นี้เปนมั่นคง แล้วเผ่นขึ้นม้าตกม้าลงถึงสามครั้งสี่ครั้ง จะหนีก็มิได้ก็ยิ่งร้องไห้เปนอันมาก พอเกิดลมพายุใหญ่พัดมาฟ้าผ่าลงเสียงดังแผ่นดินจะถล่มไป ฝนตกลงมาเปนห่าใหญ่เพลิงนั้นดับไปสิ้น น้ำในหุบเขาท่วมขึ้นประมาณศอกหนึ่ง สุมาอี้จึงร้องว่าบุญของเรามีอยู่เปนอันมาก เทพดาจึงบันดาลให้ฝนตกลงมาช่วยเรา แล้วพาบุตรทั้งสองออกมาถึงปากทาง พอพบเตียวฮองงักหลิมซึ่งเปนกองหลังคุมทหารตามมาทัน

ฝ่ายม้าต้ายเห็นดังนั้นก็คิดว่า ครั้นจะรบพุ่งบัดนี้ทหารของตัวก็น้อย จึงพาทหารเลิกไป สุมาอี้กับบุตร์ทั้งสองก็รีบกลับมาถึงค่าย เห็นทหารขงเบ้งเข้าอยู่ในค่ายเปนอันมากก็พากันถอยไป เหล่าทหารขงเบ้งก็ชวนกันออกติดตามรบพุ่งสุมาอี้ไปทางประมาณร้อยเส้น ขณะนั้นสุมาอี้พบโกฉุยซุนเลเข้า จึงพากันรบพุ่งต้านทานทหารขงเบ้งไว้เปนสามารถ ทหารขงเบ้งก็ถอยกลับมารักษาค่ายสุมาอี้ไว้ แลสุมาอี้ก็พาทหารทั้งปวงไปตั้งค่ายใหม่อยู่ ทางไกลค่ายเก่าประมาณสองร้อยเส้น

ฝ่ายทหารกองหน้าสุมาอี้ซึ่งไปตีค่าย ณ เขากิสานนั้น ครั้นรู้ว่าสุมาอี้เสียค่ายก็พากันจะเลิกทัพกลับ พอทหารขงเบ้งตีกระหนาบเข้ามาทั้งสี่ด้านไล่ฆ่าฟันทหารสุมาอี้ตายสิบส่วน เหลืออยู่แต่ส่วนหนึ่งสองส่วนหนีไปหาสุมาอี้ณะค่ายใหม่

ฝ่ายขงเบ้งอยู่บนเนินเขา ขณะเมื่อเห็นอุยเอี๋ยนล่อสุมาอี้เข้ามาในหุบเขาเฮาโลก๊กนั้น ก็คิดว่าครั้งนี้สุมาอี้จะตายอยู่ในเพลิงเปนมั่นคงแล้ว ครั้นฝนตกลงมาสุมาอี้รอดออกไปจากหุบเขา ขงเบ้งจึงทอดใจใหญ่แล้วว่า ธรรมดาคนทั้งปวงจะทำการสิ่งใดก็ย่อมสำเร็จด้วยความคิด แม้การไม่ตลอดก็เพราะผู้นั้นมีกรรมอยู่ ขงเบ้งก็พาทหารทั้งปวงกลับลงมาค่ายใหญ่

ฝ่ายสุมาอี้ให้ประกาศแก่ทหารใหญ่น้อยว่า แม้เห็นทหารขงเบ้งยกมาก็อย่าให้ออกรบพุ่ง จงรักษาค่ายไว้ให้มั่นคง ถ้าผู้ใดมิฟังออกสู้รบเราก็จะให้ตัดสีสะเสีย ครั้นอยู่มาวันหนึ่งโกฉุยจึงบอกแก่สุมาอี้ว่า บัดนี้ขงเบ้งให้ตั้งค่ายรายทางเข้ามาถึงสองค่าย แล้วให้ทหารมาร้องท้าทายทุกเวลา สุมาอี้ก็ว่าให้รักษาค่ายไว้จงมั่นคงเถิดอย่าออกรบพุ่งเลย

ฝ่ายขงเบ้งมิได้เห็นสุมาอี้ออกรบเปนหลายวัน จึงให้เอาผ้าซับในกางเกงหญิงนั้นมาใส่หีบลงกับหนังสือซึ่งแต่งฉบับหนึ่ง ให้ทหารแบกเอาไปให้สุมาอี้ ณ ค่าย สุมาอี้เปิดหีบขึ้นเห็นผ้ากับหนังสือ จึงเอาหนังสือมาฉีกออกอ่านดูเปนใจความว่า สุมาอี้เปนขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองลกเอี๋ยง ยกกองทัพออกมาจะทำสงครามด้วยเรา เหตุใดจึงนิ่งอยู่แต่ในค่ายช้านาน มิได้ออกรบพุ่งให้รู้จักฝีมือแลความคิดกันไว้ อันธรรมดาเปนชาติทหารแล้วมิได้ออกมาจากค่ายฉนี้ ก็เหมือนหนึ่งผ้าซับในกางเกงของหญิงซึ่งเราให้ไปนั้น แลเราทำการมาให้ทั้งนี้ หวังจะให้สุมาอี้อัปยศแก่ทหารทั้งปวง จะได้มีมานะออกรบพุ่งด้วยเรา

สุมาอี้แจ้งในหนังสือดังนั้นก็โกรธอยู่แต่ในใจ แต่ทำเปนหัวเราะแล้วสรรเสริญขงเบ้งว่ามีสติปัญญา จึงให้เลี้ยงดูผู้ถือหนังสือแล้ว จัดเสื้อผ้าให้เปนบำเหน็จตามสมควร สุมาอี้จึงถามผู้ถือหนังสือว่า ทุกวันนี้ขงเบ้งยกมาทำการศึก ยังกินนอนปรกติอยู่หรือ ประการหนึ่งให้กำชับตรวจตราทแกล้วทหารพร้อมมูนอยู่หรือประการใด ผู้ถือหนังสือจึงบอกว่า แต่มหาอุปราชยกกองทัพมานี้ จะกินอาหารแลสิ่งของก็น้อย นอกนั้นมิได้ปรกติด้วยกำชับตรวจตราทแกล้วทหารให้รักษาค่ายเปนการใหญ่อยู่ สุมาอี้จึงว่า ซึ่งขงเบ้งคิดการศึกดังนี้ก็มีความทุกข์ใหญ่หลวง เห็นอายุขงเบ้งจะสั้นเสียแล้ว เราคิดวิตกอยู่ ถ้าหาขงเบ้งไม่ อันจะทำการสงครามด้วยผู้ใดเห็นจะไม่สู้สนุก

ผู้ถือหนังสือได้ฟังดังนั้นก็ลากลับมา ณ ค่าย จึงบอกขงเบ้งว่า สุมาอี้อ่านหนังสือแล้วหัวเราะ มิได้เห็นขึ้งโกรธประการใด แล้วเล่าเนื้อความตามสุมาอี้ว่านั้นให้ขงเบ้งฟังทุกประการ ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงว่า สุมาอี้น้มีสติปัญญาล่วงรู้สุขแลทุกข์เรา เอียวหูจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า ท่านคิดการทั้งปวงเห็นจะเหนื่อย เอาเหงื่อต่างน้ำอดกินอดนอนจนซูบผอมถึงเพียงนี้ ข้าพเจ้าเห็นจะต้องคำสุมาอี้ว่า

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้แล้วจึงตอบว่า ทุกวันนี้ใช่เราไม่รู้หรือ ซึ่งเราทำการทั้งปวงนี้เพราะคิดถึงคุณพระเจ้าเล่าปี่ ครั้นจะละเลยก็หาผู้ใดที่จะไว้ใจมิได้ เราจึงอุตส่าห์มาทำการศึกหวังจะปราบปรามศัตรูแผ่นดิน จะได้บำรุงพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้อยู่เย็นเปนสุข ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็กลั้นน้ำตาไม่ได้ ร้องไห้รักขงเบ้งสิ้นทุกคน ขณะนั้นหน้าขงเบ้งก็เสร้าสลดไม่สบาย ให้ป่วยในอกอยู่ดังหนามยอก มิได้คิดออกไปรบพุ่งกับสุมาอี้เปนหลายวัน

ฝ่ายนายทหารใหญ่น้อยในกองทัพสุมาอี้รู้ว่าขงเบ้งให้หนังสือมาเปนข้อหยาบ ช้าดังนั้น จึงว่าแก่สุมาอี้ว่า ท่านเปนขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองหลวง เหตุไฉนมานิ่งอยู่ให้ทหารเมืองเสฉวนซึ่งเปนเมืองน้อยมาดูหมิ่นว่ากล่าวดัง นี้ไม่ควร ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปรบพุ่งเอาชัยชนะแก่ขงเบ้งให้จงได้ สุมาอี้จึงตอบว่า ซึ่งเรานิ่งอยู่นี้ใช่จะกลัวขงเบ้งหามิได้ ด้วยมีรับสั่งพระเจ้าโจยอยห้ามไว้เราจึงไม่ออกรบพุ่ง แม้ท่านทั้งปวงจะตั้งใจอาสาทำการสงครามก็ให้งดอยู่ เราจะบอกไปให้กราบทูลพระเจ้าโจยอยก่อน แม้โปรดประการใดจึงจะทำตาม แล้วสุมาอี้แต่งหนังสือให้ม้าใช้ถือไปแจ้งข้อราชการแก่พระเจ้าโจยอย ณ เมือง หับป๋า

พระเจ้าโจยอยรับหนังสือมาอ่านดูเปนใจความว่า ข้าพเจ้าสุมาอี้ได้ทำการรบพุ่งกับขงเบ้งตามเนื้อความแต่หลัง ข้าพเจ้าก็ตั้งมั่นอยู่ตามรับสั่ง บัดนี้ขงเบ้งให้หนังสือมาเยาะเย้ยเปนข้อหยาบช้า ข้าพเจ้าแลทหารในเมืองหลวงได้ความอัปยศชาวเมืองเสฉวน จึงปรึกษากันจะขอออกรบพุ่งกับขงเบ้ง ถ้าโปรดประการใดจะได้ทำตาม พระเจ้าโจยอยแจ้งดังนั้นจึงปรึกษาขุนนางทั้งปวงตามในหนังสือสุมาอี้ ชินขุนขุนนางจึงทูลว่า อันสุมาอี้แลทหารในกองทัพนั้นได้ความอัปยศ เพราะขงเบ้งให้หนังสือเยาะเย้ย อันสุมาอี้มิได้ออกรบพุ่งก็เพราะเกรงรับสั่งให้ห้าม แต่นายทหารทั้งปวงนั้นโกรธแค้นจะใคร่ออกไปรบกับขงเบ้ง ซึ่งสุมาอี้ให้ถือหนังสือมาทูลข้อราชการนี้ หวังจะให้มีรับสั่งไปประกาศแก่นายทัพนายกองอย่าให้ออกรบ พระเจ้าโจยอยเห็นชอบด้วย จึงให้ชินขุนขุนนางถือรับสั่งไปให้สุมาอี้ว่าอย่าให้ออกรบพุ่งเลย ให้รักษาค่ายไว้ให้มั่นคง สุมาอี้แจ้งดังนั้นก็เอาหนังสือรับสั่งไปประกาศแก่นายทัพนายกอง ทหารทั้งปวงก็รักษาค่ายอยู่

ฝ่ายขงเบ้งรู้กิตติศัพท์ว่าโจยอยให้หนังสือมาถึงสุมาอี้ดังนั้น ก็ว่าแก่นายทหารทั้งปวงว่า สุมาอี้คิดย่อท้อจึงมิได้ยกออกมารบพุ่งกับเรา เกียงอุยจึงถามว่า เนื้อความทั้งนี้เหตุใดท่านจึงแจ้ง ขงเบ้งจึงบอกว่า เราเห็นว่าสุมาอี้มิได้ออกรบเปนช้านานเพราะเกรงเราอยู่ แต่กลัวทหารทั้งปวงจะเสียน้ำใจจึงบอกไปถึงโจยอยว่าจะขอยกกองทัพออกรบ โจยอยจึงให้มีหนังสือมาห้ามมิให้ออกรบพุ่ง หวังจะเอาใจทแกล้วทหารไว้

พอบิฮุยมาแต่เมืองเสฉวน บอกแก่ขงเบ้งตามเนื้อความซึ่งโจยอยยกเปนสามทางไปตีเมืองกังตั๋งนั้นให้ ขงเบ้งฟังทุกประการ แลว่าบัดนี้กองทัพเมืองกังตั๋งเสียทีแก่โจยอยก็เลิกกลับเข้าเมืองกังตั๋ง ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ ร้องหวีดขึ้นด้วยเสียงอันดังก็ทอดใจใหญ่ พอลมประทะขึ้นมาก็ล้มสลบลงกับที่ ขุนนางแลทหารทั้งปวงก็ตกใจช่วยกันแก้ฟื้นขึ้น ขงเบ้งจึงว่าโรคเก่าเรากำเริบขึ้นแล้ว เห็นชีวิตเราจะไม่ยืนสืบไป

ครั้นเวลาคํ่าขงเบ้งอุตส่าห์เดิรออกไปดูอากาศ เห็นดาวสำหรับตัวนั้นเสร้าหมองกว่าแต่ก่อนก็ยิ่งตกใจเปนอันมาก จึงพาเกียงอุยเข้าไปที่ข้างในแล้วว่า ชีวิตเรานี้เห็นจะตายในวันพรุ่งนี้แล้ว เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงถามว่า เหตุใดมหาอุปราชจึงว่าฉนี้ ขงเบ้งจึงบอกว่า เราพิเคราะห์ดูอากาศเห็นดาวสำหรับตัวเรานี้วิปริต จึงรู้ว่าจะสิ้นอายุแล้ว

เกียงอุยจึงว่า ถ้ากระนั้นท่านจงแต่งการบูชาเทพดาเสดาะเคราะห์เสีย เห็นพอจะสืบอายุไปได้บ้าง ขงเบ้งจึงตอบว่า อันการนี้เราก็แจ้งอยู่ แต่เปนโบราณกรรมถึงอายุของเราแล้ว จำจะแต่งบูชาขอกำลังเทพดาให้ช่วยตามบุญ แล้วสั่งเกียงอุยว่าท่านจงจัดทหารสี่สิบเก้าคน ให้ห่มเสื้อขาวใส่หมวกขาวถือธงขาวล้อมวงเราอยู่ อย่าให้ผู้ใดเข้าออกรู้เห็นเปนอันขาด เราจะนิ่งทำการอยู่ในม่านแต่เวลากลางคืนให้ครบเจ็ดวัน แม้เห็นโคมสำหรับตัวเราสุกใสสว่างอยู่ เราก็จะมีอายุสืบไปได้อีกสองปี ถ้าเพลิงในโคมนั้นดับ เราก็จะถึงแก่ความตายเปนมั่นคง เกียงอุยก็ออกมาจัดแจงทำการตามขงเบ้งสั่ง

ครั้นเวลาค่ำขงเบ้งจึงจุดโคมไว้นอกม่านสี่สิบเก้าใบ ในม่านนั้นจุดโคมล้อมตัวอยู่เจ็ดใบ แลโคมใหญ่เสี่ยงทายนั้นจุดไว้กลาง จึงตั้งเข้าตอกดอกไม้จุดธูปเทียนขึ้นคำนับบูชาตามตำรา แล้วอาราธนาเทพดาว่า ตัวข้าพเจ้าชื่อจูกัดเหลียงคือขงเบ้ง เอากำเนิดมาในหว่างแผ่นดินจลาจล พระเจ้าเล่าปี่มีความอุตส่าห์ไปหาข้าพเจ้าถึงสามครั้งก็ได้มาช่วยทำการทำนุ บำรุงแผ่นดิน พระเจ้าเล่าปี่นั้นมีพระคุณชุบเลี้ยงข้าพเจ้าถึงขนาด เมื่อพระองค์จะสวรรคตก็ได้สั่งการทั้งปวงไว้แก่ข้าพเจ้า แลข้าพเจ้าก็ได้คิดอ่านทำการสงครามหวังจะกำจัดศัตรูแผ่นดิน แลการทั้งนี้ก็ไม่สำเร็จ บัดนี้เห็นดาวสำหรับตัวข้าพเจ้าเสร้าหมอง จะถึงกำหนดอายุอยู่แล้ว ตัวข้าพเจ้าตั้งใจทำการบำรุงพระมหากษัตริย์ก็ยังไม่สำเร็จ ขอเทพดาทั้งปวงจงให้กำลังแลชีวิตข้าพเจ้าไว้ก่อน จะได้ช่วยป้องกันดับร้อนอาณาประชาราษฎรสืบไป แล้วนั่งอ่านมนตร์ไปจนรุ่ง

ครั้นเวลารุ่งเช้าขงเบ้งก็ออกว่าราชการ ตรวจตรากำชับทแกล้วทหารให้รักษาค่าย พอขงเบ้งอาเจียนโลหิตออกมาเปนหลายครั้ง ขุนนางแลนายทหารทั้งปวงช่วยกันแก้ไข ครั้นเวลาคํ่าขงเบ้งก็เข้าทำการไปตามตำรา กลางวันอุตส่าห์ออกว่าราชการมิได้ขาด แลทำการได้ถึงหกคืน

ฝ่ายสุมาอี้มิได้เห็นทหารขงเบ้งออกมารบพุ่งเปนหลายวันก็มีความสงสัยอยู่ ครั้นเวลากลางคืนวันนั้นสุมาอี้ออกมาดูอากาศเห็นวิปริตก็ดีใจ จึงบอกแก่แฮหัวป๋าว่า เห็นดาวมหาอุปราชเมืองเสฉวนนั้นเสร้าหมอง เห็นอายุขงเบ้งจะถึงกำหนดอยู่แล้ว ท่านจงคุมทหารพันหนึ่งไป ณ ค่ายขงเบ้ง แม้เห็นทหารในค่ายนั้นสงบอยู่ ขงเบ้งจะป่วยลงเปนมั่นคง ท่านจึงร้องท้าทายให้ทหารขงเบ้งยกออกมารบ แม้เรารู้ประจักษ์ว่าขงเบ้งเปนประการใดจะได้คิดการต่อไป แฮหัวป๋าก็คุมทหารไปลอบดูตามสุมาอี้สั่ง

ฝ่ายขงเบ้งทำการคำรบหกคืนนั้น เห็นเพลิงในโคมใหญ่ซึ่งจุดไว้สำหรับเสี่ยงทายอายุนั้นรุ่งเรืองสว่างอยู่ก็ ค่อยมีความยินดี คิดว่าจะสืบอายุไปได้ ในขณะนั้นเกียงอุยตรวจตราทหารซึ่งล้อมวงทั้งสี่สิบเก้าคนให้คอยดูผู้คนอย่า ให้เข้าออกได้ แล้วเกียงอุยเข้าไปแหวกม่านดู เห็นขงเบ้งสยายผมถือกระบี่นั่งอ่านมนตร์อยู่ พอได้ยินเสียงสุมาอี้มาร้องท้าทายถึงหน้าค่ายเปนข้อหยาบช้า เกียงอุยจึงออกมาจากที่ข้างในสั่งทหารให้ออกไปสืบดู

ฝ่ายอุยเอี๋ยนได้ยินทหารสุมาอี้ร้องท้าทายดังนั้นก็โกรธ มิได้รู้ว่าขงเบ้งทำการอยู่ข้างใน จึงทะลวงเข้าไปหวังจะบอกขงเบ้ง พอสะคุดโคมสำหรับเสี่ยงทายอายุขงเบ้งนั้นดับไป ขงเบ้งเห็นดังนั้นก็ตกใจทิ้งกระบี่เสียร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า ความตายนี้เปนบุราณกรรม ถึงมาทว่าจะคิดอ่านแก้ไขประการใดก็ไม่พ้น ตัวเราครั้งนี้จะถึงความตายเปนมั่นคง

เกียงอุยกลับเข้ามาเห็นดังนั้นก็โกรธ ชักกระบี่ออกจะฆ่าอุยเอี๋ยนเสีย ขงเบ้งยุดมือไว้แล้วห้ามว่า ซึ่งท่านจะฆ่าอุยเอี๋ยนเสียนั้นไม่ควร อันเหตุทั้งนี้เพราะกรรมของเราจะถึงที่ตาย แล้วขงเบ้งอาเจียนโลหิตออกจนสลบลงกับที่ เกียงอุยอุยเอี๋ยนก็ช่วยกันแก้ไขฟื้นขึ้น ขงเบ้งเห็นดังนั้นจึงว่าแก่อุยเอี๋ยนว่า สุมาอี้หมายใจว่าเราป่วยอยู่จึงให้ทหารมาเย้าดูหวังจะให้รู้ประจักษ์ ท่านจงคุมทหารออกไปรบกับทหารสุมาอี้ อุยเอี๋ยนก็ขับม้าพาทหารออกไปถึงหน้าค่าย

แฮหัวป๋าเห็นอุยเอี๋ยนขับม้าออกมา ก็พาทหารถอยกลับมา ณ ค่าย อุยเอี๋ยนขับม้าตามไปทางประมาณสองร้อยเส้น ครั้นไม่ทันแล้วก็กลับมาบอกแก่ขงเบ้งให้แจ้ง ขงเบ้งจึงให้อุยเอี๋ยนไปรักษาหน้าที่อยู่ดังเก่า แล้วขงเบ้งก็พาเกียงอุยเข้ามาที่ข้างในแล้วว่า ตัวเราตั้งใจจะบำรุงพระมหากษัตริย์ก็ไม่สมความคิด เพราะชีวิตเราจะตายอยู่แล้ว แต่เรามีวิชาแลความรู้แลตำราซึ่งได้เรียนมา คิดเปนอักษรสิบหมื่นสี่พันร้อยสิบสองตัว คิดเปนความยี่สิบสี่ข้อ การพิชัยสงครามแลตำราดูฤกษ์บนฤกษ์ตํ่าอยู่ในนั้นสิ้น เราพิเคราะห์ดูไม่เห็นผู้ใดซึ่งจะมีความอุตสาหเรียนตำราทั้งนี้ได้ เห็นแต่ท่านผู้เดียวมีสติปัญญาสัตย์ซื่อ ทั้งประกอบด้วยความเพียรเปนอันมาก ควรจะรักษาตำราแลเรียนให้ชำนาญไว้ได้ เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็รับตำราทั้งนั้นไว้แล้วก็ร้องไห้

ขงเบ้งจึงเอาตำราฉบับหนึ่งมาชี้แจงให้เกียงอุยดู แล้วว่าตำราหน้าไม้นี้ของเราคิดเองแต่ยังมิได้ทำ ท่านจงเอาไว้แล้วคิดอ่านทำเถิด ยิงได้ทีละสิบลูก เกียงอุยคำนับแล้วก็รับไว้ ขงเบ้งจึงว่าท่านจงบำรุงแผ่นดินตามตำรานี้เถิด อันเมืองเสฉวนนั้นมิได้มีข้าศึกล่วงเข้าไปทำอันตรายได้ ด้วยด่านทางนั้นเปนซอกห้วยเนินเขากันดารนัก ท่านจงระวังแต่ตำบลอิมเป๋งนั้น เห็นจะมีข้าศึกล่วงเข้าไปทำอันตรายได้ทางเดียว แล้วเรียกม้าต้ายเข้าไปกระซิบสั่งว่า ถ้าเราตายแล้วอุยเอี๋ยนจะเปนขบถต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยน ท่านจงไปอยู่กับอุยเอี๋ยน ณ ค่าย แล้วคิดอ่านกำจัดเสียให้จงได้ ม้าต้ายรับคำแล้วก็ลาออกมาอยู่กับอุยเอี๋ยน

ขงเบ้งจึงให้หาตัวเอียวหงีเข้ามา แล้วว่าตัวเราจะถึงแก่ความตายแล้ว อันอุยเอี๋ยนนั้นจะเปนขบถต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยน ท่านจงเอาหนังสือนี้ไว้ ถ้าขัดสนเมื่อใดจึงให้ฉีกผนึกออกดูแล้วจึงให้ทำการ แต่ผู้ซึ่งจะฆ่าอุยเอี๋ยนนั้นมีตัวอยู่แล้ว เอียวหงีร้องไห้แล้วรับหนังสือลาออกมา ขงเบ้งสั่งการสำเร็จแล้วก็สลบไปเปนช้านาน ครั้นเวลาพลบคํ่าขงเบ้งฟื้นขึ้นจึงแต่งหนังสือบอกอาการป่วยหนัก ให้ม้าใช้ถือรีบขึ้นไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน

พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็ตกใจ จึงให้ลิฮกรีบไปเยี่ยม แม้ขงเบ้งจะสั่งความประการใดท่านจงจำเอามาบอกแก่เรา ลิฮกก็ลาไปถึงค่ายเขากิสาน แล้วเข้าไปบอกขงเบ้งว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งว่าท่านป่วยหนักก็ไม่สบายจึงใช้ข้าพเจ้ามาเยี่ยม ขงเบ้งจึงว่าตัวเรานี้คิดจะอยู่ทำราชการ บัดนี้หาบุญไม่อายุจะถึงแก่ความตายในวันนี้พรุ่งนี้แล้ว ตัวท่านอยู่ภายหลังจงตั้งใจสุจริตต่อพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เหมือนเรา ซึ่งจะใช้ผู้คนทำการสิ่งใด ๆ จงประมาณการหนักแลเบา กับสติปัญญาผู้นั้นให้ควรแก่การจึงใช้ อันการข้างฝ่ายทหารแลตำราพิชัยสงครามนั้นเราก็สั่งเกียงอุยไว้เสร็จแล้ว ท่านจงกลับไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนก่อนเถิด ว่าเราเปนคนบุญน้อย จะขอกราบถวายบังคมลาในวันพรุ่งนี้แล้ว เราจะแต่งหนังสือขึ้นไปถวายต่อภายหลัง ลิฮกก็ลาขึ้นม้ารีบกลับไป

ขงเบ้งจึงให้ทหารพยุงขึ้นเกวียนออกไปเที่ยวตรวจตราหน้าค่าย ขณะนั้นเปนเทศกาลหนาว ขงเบ้งสะท้านขึ้นมาก็กลับเกวียนคืนเข้าค่าย ถอนใจใหญ่แล้วว่า ตัวเรานี้มีความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินจะมาถึงแก่ความตาย เทพดาไม่ช่วยเราแล้วหรือ แล้วให้หาเตียวหงีเข้ามาสั่งว่า ตัวเราจะหาบุญไม่ ท่านจะเปนผู้ใหญ่อยู่ในกองทัพ จงเลี้ยงดูทหารทั้งปวงอย่าให้เสียใจ อันอองเป๋งม้าต้ายเลียวฮัวเตียวเอ๊กเตียวหงีห้าคนนี้มีใจสัตย์ซื่อ ท่านจงทำนุบำรุงให้เหมือนตัวเรา อนึ่ง เมื่อท่านจะเลิกกองทัพกลับไปนั้นอย่าวู่วาม ให้ถอยไปโดยปรกติ ถึงมาทว่าข้าศึกรู้จะติดตามไป ก็ช่วยกันรบพุ่งป้องกันอย่าให้มีอันตรายแก่ทหารใหญ่น้อยได้ อันเกียงอุยนั้นมีสติปัญญาแลฝีมืออยู่ เราก็ได้สั่งการทั้งปวงไว้เสร็จแล้ว แม้ท่านจะทำการสิ่งใดก็ให้ปรึกษากันกับเกียงอุย เอียวหงีรับคำแล้วก็ร้องไห้

ขงเบ้งจึงอุตส่าห์เขียนหนังสือซึ่งจะถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยนเปนใจความว่า ข้าพเจ้าขงเบ้งขอกราบถวายบังคมมาให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าแจ้งอยู่ว่าบุราณกรรมมาถึงแล้ว แลตัวข้าพเจ้านี้ก็อุตสาหตั้งใจทำราชการตามสติปัญญา พระเจ้าเล่าปี่ชุบเลี้ยงให้เปนใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ข้าพเจ้ามีความวิตกอยู่ ว่าศัตรูฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ยังไม่ราบคาบ ควรหรือจะมาด่วนถึงแก่ความตาย ก็คิดแค้นอยู่ทุกเวลา แม้ข้าพเจ้าตายแล้ว พระองค์จงรักษาความสัตย์ บำรุงทหารอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเปนสุขตามประเพณี อย่าให้เชื่อฟังคำคนอันเปนพาล บ้านเมืองจึงจะปรกติสืบไป อันในที่อยู่ข้าพเจ้านั้นมีต้นหม่อนสำหรับเลี้ยงไหมอยู่ถึงแปดร้อยต้น นาห้าสิบไร่ แลที่นากับต้นหม่อนนี้ก็พอเลี้ยงบุตรภรรยาข้าพเจ้าอยู่แล้ว อันทรัพย์สิ่งของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ในเรือนนั้นขอให้เอาเข้าไปไว้ในห้องพระ คลังจะได้แจกทหาร เขียนแล้วเข้าผนึกมอบไว้แก่คนสนิธ

ขงเบ้งจึงสั่งเอียวหงีว่า เมื่อเราตายแล้วเมื่อใด อย่าให้ทหารทุกข์ร้อนนุ่งขาวห่มขาวเลย จงทำกิริยาให้ปรกติเหมือนเรายังอยู่ อย่าให้กิตติศัพท์ที่ตายนั้นรู้ไปถึงข้าศึก ท่านจงให้ต่อโลงใส่ศพเรานั่งไว้ ให้เอาเข้าสารใส่ปากไว้เจ็ดเมล็ด เอาโคมจุดเพลิงรองไว้ใต้ที่นั่งเรา หวังจะรักษาดาวสำหรับอายุเรามิให้หายไป แม้เพลิงโคมนั้นดับลงเมื่อใด ดาวสำหรับอายุเราก็จะสูญไปเมื่อนั้น ถ้าสุมาอี้ไม่เห็นดาวนั้นแล้ว ก็จะรู้ว่าเราถึงแก่ความตาย จะยกกองทัพมาทำอันตรายแก่ทหารทั้งปวง แม้สุมาอี้เห็นดาวนั้นยังอยู่ ก็จะไม่อาจยกมาทำยํ่ายี ท่านจงเลิกกองทัพกลับไป ถ้าสุมาอี้จะคุมทหารไปติดตาม ท่านจงจัดทหารทั้งดารับเปนหน้ากระดานไว้ แล้วเอาหุ่นรูปเราใส่เกวียนชักออกมากลางทหาร สุมาอี้เห็นก็จะตกใจถอยไป เอียวหงีก็รับคำไว้ทุกประการ

ครั้นเวลาคํ่าขงเบ้งจึงให้ทหารพยุงออกไปที่ข้างหน้า ขึ้ให้ทหารทั้งปวงดูดาวแล้วว่า ดาวดวงโน้นซึ่งอยู่ข้างทิศเหนือเฉียงตวันตกนั้นเปนดาวสำหรับอายุเรา ทหารทั้งปวงดูไปเห็นดาวสำหรับขงเบ้งนั้นรุบหรู้อยู่เปนทีประหนึ่งจะตกลงมา จากอากาศ ขงเบ้งจึงให้ทหารพยุงเข้าไปที่ข้างใน ขณะนั้นขงเบ้งไม่มีสมประดีเจรจาก็ไม่ออก ขุนนางแลนายทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็ตกใจ พอลิฮกมาแต่เมืองเสฉวนเข้าไปเห็นขงเบ้งเจรจาไม่ออกก็ตกใจ ร้องไห้รํ่าว่าตัวข้าพเจ้ามาไม่ทัน เห็นจะไม่ได้ราชการไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนแล้ว พอขงเบ้งฟื้นขึ้นกลับได้สมประดีมาลืมตาขึ้นเห็นลิฮก ขงเบ้งจึงว่า เรารู้อยู่ว่าท่านกลับไปแล้วพระเจ้าเล่าเสี้ยนจะใช้กลับมา

ลิฮกจึงบอกว่า เนื้อความทั้งปวงซึ่งท่านสั่งนั้นข้าพเจ้าก็ไปทูลแล้ว บัดนี้ทรงพระวิตกอยู่ข้อหนึ่งว่า ท่านจะถึงแก่ความตายแล้ว จะให้ผู้ใดเปนมหาอุปราชแทนท่าน ขงเบ้งจึงตอบว่า แม้เราตายแล้วจงให้เจียวอ้วนเปนมหาอุปราชแทนเรา ลิฮกจึงว่า ถ้าเจียวอ้วนหาบุญไม่ ท่านจะให้ผู้ใดเปนมหาอุปราชต่อไปเล่า ขงเบ้งจึงว่าให้เอาบิฮุยตั้งขึ้นแทนเจียวอ้วนเถิด ลิฮกจึงถามว่า ถ้าบิฮุยตายแล้วท่านเห็นผู้ใดจะเปนแทนที่เล่า พอขงเบ้งสิ้นใจในเดือนสิบแรมแปดคํ่า เมื่อขงเบ้งตายนั้นอายุได้ห้าสิบสี่ปี พระเจ้าเล่าเสี้ยนเสวยราชย์ได้สิบสองปี (พ.ศ. ๗๗๗)

ขณะนั้นในกองทัพขงเบ้งให้เย็นเยียบไปทั้งค่าย พยับลมมัวไปทั่วอากาศ ทหารทั้งปวงรู้ก็ตกใจต่างคนต่างร้องไห้ แล้วห้ามกันสงบอยู่มิให้เลื่องลืออื้ออึง เกียงอุยเอียวหงีก็จัดแจงการศพแล้วทำตามขงเบ้งสั่งไว้ทุกประการ จึงตรวจตราทหารทั้งปวงจะเลิกกองทัพกลับไป ให้กองหลังเปนกองหน้า

ฝ่ายสุมาอี้เมื่อเวลากลางคืนวันขงเบ้งตายนั้น ออกมาดูเห็นดาวสำหรับมหาอุปราชเมืองเสฉวนแดงดังแสงโลหิต ตกลงมากลางค่ายขงเบ้งถึงสามครั้งแล้วกลับขึ้นไปอยู่ที่เก่า แต่รัศมีหรุบหรู้มิได้ปรกติ สุมาอี้คิดว่าขงเบ้งตายแล้วก็มีใจยินดี จะยกกองทัพไปโจมตีค่ายขงเบ้ง จึงคิดถอยหลังว่าเหตุนี้เชื่อเอายังมิได้ก่อน เกลือกขงเบ้งเห็นว่าเรามิได้ยกออกรบพุ่งเปนหลายวัน แกล้งทำกลอุบายเอาทหารออกซุ่มไว้นอกค่าย แล้วให้จุดดอกไม้เพลิงทิ้งลงมาแต่ยอดเขากิสาน หวังว่าจะให้เราเห็นว่าขงเบ้งตายแล้ว จะมีใจกำเริบยกกองทัพไปโจมตี ทหารขงเบ้งจะได้ออกสกัดรบเปนทัพกระหนาบ สุมาอี้คิดเห็นดังนั้นก็มิได้ยกไป แล้วให้แฮหัวป๋าคุมทหารประมาณห้าสิบคน ไปสืบดูให้รู้ว่าขงเบ้งตายหรือยัง แฮหัวป๋าก็คุมทหารไปตามสุมาอี้สั่ง

ฝ่ายอุยเอี๋ยนในกลางคืนวันนั้นนอนหลับอยู่ในค่าย ฝันว่าแง่สีสะมีเขาโคงอกขึ้นมาทั้งซ้ายขวา อุยเอี๋ยนตื๋นขึ้นก็คิดสงสัย จึงแก้ฝันให้เตียวติดนายทหารฟัง เตียวติดพิเคราะห์ดูฝันนั้นเห็นร้าย จึงแกล้งทำนายว่าท่านฝันนี้ดีนัก อันมีเขานั้นอุปมาเหมือนแปลงตัวได้ ด้วยมังกรนั้นก็มีเขาแล้วมีฤทธิ์กำลังเปนอันมาก อันในนิมิตร์ท่านนี้จะเหมือนหนึ่งมังกรสำแดงฤทธิ อุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงว่า แม้สมเหมือนความท่านทำนายไว้ เราก็จะแทนคุณให้ถึงขนาด เตียวติดทำรับคำแล้วก็ออกมาจัดทหารยกไปจากค่าย พอพบบิฮุยเข้า ๆ จึงถามว่า ท่านพึ่งยกมาจากค่ายดอกหรือ เตียวติดจึงบอกว่า พึ่งยกมาแต่ค่าย มาแวะเข้า ณ ค่ายอุยเอี๋ยน ๆ แก้ฝันให้เราฟัง แล้วเตียวติดก็เล่าความฝันอุยเอี๋ยนแลแกล้งทำนายนั้นให้บิฮุยฟังทุกประการ บิฮุยถามว่าเหตุใดท่านจึงรู้ว่าฝันนั้นร้าย เตียวติดจึงบอกว่า เราเห็นร้ายเพราะว่าอักษรเขานั้นประกับกันสองตัวจึงเรียกว่าเขา ถ้าแลแยกออกว่าทีละตัวอ่านเปนมิตร์เขาทำร้าย เราจึงแกล้งทำนายเอามังกรมาเปรียบ หวังจะให้อุยเอี๋ยนมีใจกำเริบ

บิฮุยจึงห้ามว่าท่านอย่าบอกให้ผู้ใดรู้ แล้วบิฮุยก็มา ณ ค่าย เข้าไปหาอุยเอี๋ยนแล้วขับคนใช้เสีย บิฮุยจึงว่าแก่อุยเอี๋ยนว่า เมื่อขงเบ้งตายนั้นได้สั่งไว้ว่าให้เลิกกองทัพกลับไป ให้ท่านคุมทหารอยู่รั้งหลัง บัดนี้นายทหารหมวดนายกองทั้งปวงจะเลิกไปตามลำดับ ท่านผู้เปนกองหลังจะอยู่ให้นายกองทัพทั้งปวงยกไปสิ้นก่อนหรือ

อุยเอี๋ยนจึงถามว่า ขงเบ้งให้ผู้ใดเปนแม่กองทัพเล่า บิฮุยจึงบอกว่า ขงเบ้งสั่งไว้ให้เกียงอุยว่าราชการฝ่ายทหารสำหรับกะเกณฑ์ออกรบพุ่ง ให้เอียวหงีถืออาญาสิทธิ์บังคับนายทหารทั้งปวง อุยเอี๋ยนจึงว่า เอียวหงีเปนแต่ขุนนางผู้น้อย ซึ่งจะให้ถืออาญาสิทธิบังคับนายทหารทั้งปวงนั้นไม่ได้ ชอบแต่ให้คุมศพขงเบ้งกลับไปเมือง ตัวเราจะคุมทหารทำการสงครามเอาความชอบไว้จึงจะควร อันขงเบ้งตายแต่ผู้เดียวซึ่งจะเลิกการศึกเสียกลับไปเมืองนั้นไม่ได้ บิฮุยจึงว่า เดิมขงเบ้งสั่งไว้ว่า ถ้าขงเบ้งตายแล้วให้เลิกทัพกลับไปเมือง ซึ่งท่านจะอยู่ทำการสืบไปนั้นจะมิผิดคำขงเบ้งสั่งไว้หรือ

อุยเอี๋ยนจึงตอบว่า การศึกครั้งนี้หากขงเบ้งไม่ฟังคำเรา แม้เอาความคิดเราอยู่บ้างก็จะทำกลอุบายต่าง ๆ เห็นจะได้เมืองลกเอี๋ยงไว้นานแล้ว แลตัวเราก็เปนขุนนางผู้ใหญ่แล้วก็ได้เปนแม่กองทัพหน้า บัดนี้หาบุญขงเบ้งไม่แล้ว ซึ่งจะให้เราเปนลูกกองป้องกันข้างหลังเอียวหงีนั้นเราไม่ยอม บิฮุยจึงแกล้งว่า ท่านว่านี้ก็ชอบอยู่ เราจะไปบอกเอียวหงีให้เอาตราสำหรับที่แม่ทัพหลวงมาให้ท่านจึงจะควร แล้วก็ลาไปหาเอียวหงี ณ ค่ายใหญ่ แล้วเล่าเนื้อความให้ฟังทุกประการ

เอียวหงีได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่า อันอุยเอี๋ยนนั้นมหาอุปราชได้ทำนายไว้ว่า ถ้าหาบุญไม่เมื่อใดอุยเอี๋ยนก็จะคิดกำเริบขึ้นเมื่อนั้น บัดนี้ก็สมเหมือนคำมหาอุปราช แม้อุยเอี๋ยนจะทำเปนประการใดก็ตามแต่ความคิดของมัน จึงให้เกียงอุยคุมทหารเปนกองหลัง หวังจะได้ป้องกันข้าศึก แล้วเชิญศพขงเบ้งขึ้นรถแลรูปหุ่นนั้นใส่เกวียน ให้เลิกทัพเดิรเปนปรกติไปตามขงเบ้งสั่งไว้

ฝ่ายอุยเอี๋ยนคอยบิฮุยมิได้เห็นกลับมาก็คิดแคลงใจ จึงให้ม้าต้ายคุมทหารสิบสี่สิบห้าม้า ไปสืบดูว่ากองทัพผู้ใดยกไปบ้าง ม้าต้ายกลับมาบอกอุยเอี๋ยนว่า กองทัพทั้งปวงยกไปบ้างแล้ว เอียวหงีให้เกียงอุยคุมทหารอยู่เปนกองหลัง อุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ซึ่งเอียวหงีให้เกียงอุยเปนกองหลังนั้นมันบังอาจดูหมิ่นเรา แล้วว่าแก่ม้าต้ายว่า ซึ่งเอียวหงีทำทั้งนี้ท่านจะช่วยเราหรือไม่ ม้าต้ายจึงว่า ข้าพเจ้ามีความแค้นเอียวหงีอยู่แต่ก่อนเปนอันมาก ข้าพเจ้าจะขอเข้าด้วยท่าน จะได้ช่วยกันฆ่าเอียวหงีเสียให้ได้ อุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็มีใจยินดีด้วยมิได้รู้กลม้าต้าย จึงจัดทหารพร้อมกันแล้วก็รีบลัดทางไปสกัดอยู่ หวังจะทำร้ายเอียวหงี

ฝ่ายแฮหัวป๋ามาลอบดูเห็นดังนั้นก็รีบมาบอกสุมาอี้ว่า บัดนี้ทหารเมืองเสฉวนเลิกกองทัพกลับไปแล้ว สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็กระทืบเท้าลงแล้วว่า อันขงเบ้งนั้นเห็นจะตายเปนมั่นคง สุมาอี้ก็จัดแจงทหารแล้วขึ้นม้าพาบุตรทั้งสองรีบไปถึงค่ายขงเบ้งมิได้เห็น ผู้ใด จึงคุมทหารเร่งติดตามไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง สุมาอี้แลไปเห็นทหารขงเบ้งเดิรไปข้างหน้าเปนอันมาก พอได้ยินเสียงประทัดแลทหารโห่ร้องบนเนินเขาทั้งสองข้างทาง อันทหารขงเบ้งซึ่งไปหน้านั้นก็ดากันกลับมา แลสุมาอี้เห็นขงเบ้งถือพัดโบกอยู่ในเกวียน ธงขาวนั้นจารึกอักษรว่าขงเบ้งเปนแม่ทัพ สุมาอี้ตกใจหยุดอยู่ คิดว่าขงเบ้งมิได้ถึงแก่ความตาย ตัวกูนี้ต้องกลอุบายขงเบ้งแล้วจึงให้ถอยทัพจะกลับมา

เกียงอุยขับม้าลงมาจากเนินเขาร้องว่า สุมาอี้ต้องกลมหาอุปราชแล้วจะหนีไปไหนได้เล่า ทหารสุมาอี้ได้ฟังก็ตกใจ ต่างคนต่างทิ้งอาวุธเสีย วิ่งหนีล้มลุกไปเหยียบกันตายเปนอันมาก สุมาอี้ก็ขับม้าฝ่าหนีกลับไป พอได้ยินเสียงแฮหัวป๋าแฮหัวฮุยขับม้ามายุดม้าสุมาอี้ไว้ แล้วว่าหยุดอยู่ก่อน สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจนัก คิดว่าข้าศึกตามมาตัดเอาสีสะไปได้ จึงเอามือคลำดูก็รู้ว่าสีสะติดตัวอยู่ ก็ยิ่งขับม้ารีบหนีไป แฮหัวป๋าแฮหัวฮุยจึงว่าท่านอย่าตกใจเลย ทหารเมืองเสฉวนกลับไปแล้ว สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นจึงได้สติก็หยุดอยู่ซ่องสุมทหารได้แล้วพากันกลับมาอยู่ ณ ค่าย

ครั้นอยู่สองวันชาวบ้านนอกจึงเข้าไปบอกแก่สุมาอี้ว่า กองทัพเมืองเสฉวนเมื่อกลับไปนั้น ข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องไห้อื้ออึง อันเกวียนซึ่งปักธงขาวชักออกมานั้นมิใช่ขงเบ้ง เปนรูปหุ่นทำปลอมไว้หวังจะให้ท่านเกรง แลขงเบ้งนั้นตายแล้ว

สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าเราคะเนการก็เห็นว่าขงเบ้งตายแล้ว แต่เรายังไม่ประจักษ์ทักแท้ บัดนี้เรารู้แน่แล้วจำจะยกกองทัพไปติดตาม จึงให้จัดแจงทหารพร้อมทุกหมวดทุกกองแล้วก็ยกตามไปถึงตำบลชะงันโผ เห็นไม่ทันกองทัพเมืองเสฉวนแล้วก็พากันกลับมา จึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า ซึ่งขงเบ้งตายเสียบัดนี้ บันดาเราท่านจะได้นั่งเปนสุขจะได้นอนตาหลับ ครั้นกลับมาถึงค่ายขงเบ้ง จึงดูค่ายใหญ่น้อยซึ่งขงเบ้งตั้งไว้นั้นต้องในตำราพิชัยสงคราม แล้วว่าอันสติปัญญาขงเบ้งนั้นหาผู้ใดจะเปรียบมิได้ จึงให้กำชับด่านทางทุกตำบลให้ตรวจตรารักษาไว้เปนมั่นคง แล้วยกกลับมาเมืองลกเอี๋ยง

ฝ่ายเอียวหงีกับเกียงอุย ครั้นยกมาถึงตำบลเจี๋ยงโต๋เปนปากทางจะเข้าไปเมืองเสฉวนจึงให้หยุดทัพอยู่ แล้วบอกแก่ทหารทั้งปวงว่า ขงเบ้งตายแล้วให้นุ่งขาวห่มขาวตามธรรมเนียม ทหารใหญ่น้อยได้ฟังดังนั้นก็ตกใจต่างคนต่างร้องไห้รักขงเบ้ง ที่เอาสีสะกระทบศิลาแตกบ้างจนสลบไปเปนอันมาก พอได้ยินเสียงทหารโห่ขึ้น แล้วเห็นแสงเพลิงเผาเข้ามาซอกเขา เอียวหงีจึงให้ม้าใช้รีบไปดู ม้าใช้กลับมาบอกว่าอุยเอี๋ยนคุมทหารสกัดอยู่

เอียวหงีได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงว่า มหาอุปราชยังอยู่นั้นก็ได้ทำนายไว้ว่าอุยเอี๋ยนจะเปนขบถ บัดนี้ก็สมคำมหาอุปราช ซึ่งอุยเอี๋ยนมาตั้งสกัดอยู่ดังนี้ท่านทั้งปวงจะคิดประการใด บิฮุยจึงว่า ซึ่งจะรบพุ่งนั้นจะกลัวอะไรแก่อุยเอี๋ยน แต่บอกไปกราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้แจ้งก่อน จะได้ป้องกันเมืองเสฉวนไว้ให้มั่นคง เอียวหงีจึงว่า ทางเจ้าสันนั้นลัดไปเมืองเสฉวนได้ แล้วก็แต่งหนังสือให้ม้าใช้ถือไปแจ้งข้อราชการทั้งปวง

ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนแต่แจ้งว่าขงเบ้งป่วยก็ไม่มีความสบายเลย เมื่อขงเบ้งตายนั้นพระเจ้าเล่าเสี้ยนเข้าที่บันทมทรงพระสุบินว่า เขากิมปีนสานนั้นบันดาลทำลายลง ครั้นเวลารุ่งเช้าเสด็จออกจึงแก้สุบินนิมิตร์ให้ขุนนางทั้งปวงฟัง เจียวจุยจึงทูลว่า เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับมหาอุปราชตกลงข้างทิศตวันตกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้าเห็นว่าจะมีภัยแก่มหาอุปราช ซึ่งพระองค์ทรงพระสุบินก็เห็นยุติกัน พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็ยิ่งเสร้าหมองไม่สบายเลย

ครั้นอยู่มาห้าวันลิฮกมาทูลตามขงเบ้งสั่งไว้ทุกประการ บัดนี้ขงเบ้งถึงแก่ความตายแล้ว พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็ตกใจจึงตรัสว่า ซึ่งขงเบ้งถึงแก่ความตายนั้น ชะรอยเทพดาจะสังหารชีวิตเรา แล้วก็ทรงกรรแสงจนสลบไป ขันทีทั้งปวงเข้าแก้ฟื้นขึ้นแล้วพยุงเข้าไปที่ข้างใน พระเจ้าเล่าเสี้ยนมิได้ออกว่าราชการเปนหลายวัน แลขุนนางอาณาประชาราษฎรในเมืองนั้นร้องไห้รักขงเบ้งทุกตัวคน

ฝ่ายลิเงียมแต่ต้องถอดจากที่นั้นก็เห็นว่าตัวผิด คิดอยู่ว่าจะทำความเพียรให้ขงเบ้งใช้สืบไป ครั้นรู้ว่าขงเบ้งตายแล้วก็ร้องไห้รักเปนอันมาก จึงคิดว่าผู้ซึ่งจะเปนมหาอุปราชนั้น จะมีใจสัตย์ซื่อเหมือนขงเบ้งนั้นหาไม่ ลิเงียมทุกข์ตรอมจนถึงแก่ความตาย

พอม้าใช้ถือหนังสืออุยเอี๋ยนมาให้กราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน เปนใจความว่า เอียวหงีเปนขบถชิงเอาศพมหาอุปราชไว้ แลคบกับข้าศึกจะยกมาทำอันตรายเมืองเสฉวน ข้าพเจ้าจึงคุมทหารสกัดอยู่ ณ ปากทางเจียงโต๋

พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้น จึงตรัสปรึกษาแก่ขุนนางทั้งปวงว่าแม้เอียวหงีจะเปนขบถจริง อันอุยเอี๋ยนก็มีฝีมือพอจะสู้รบเอียวหงีได้ เหตุใดจึงรีบมาว่าสกัดทางเจียงโต๋ไว้ดังนี้ อนึ่งแต่ก่อนนั้นเราได้ยินพระราชบิดาตรัสว่า ขงเบ้งทำนายไว้ว่าอุยเอี๋ยนนั้นลักษณะเปนขบถ จะให้ฆ่าเสียเนือง ๆ อยู่ หากคนทั้งปวงห้ามไว้ว่าอุยเอี๋ยนมีฝีมือ จึงเอาไว้เปนเพื่อนทหารเลว ซึ่งอุยเอี๋ยนกล่าวโทษเอียวหงีมานี้ ครั้นเราจะทำตามเกลือกว่าเอียวหงีดีอยู่ก็จะเสียใจแตกตื่นไป เราจำจะฟังดูให้แน่ก่อน ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยเห็นชอบด้วย

พอม้าใช้ถือหนังสือเอียวหงีมา ให้กราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนเปนใจความว่า เมื่อมหาอุปราชยังไม่ตายนั้นได้สั่งไว้ว่าให้อุยเอี๋ยนเปนกองหลัง จะเลิกทัพกลับมาเมืองเสฉวน ครั้นมหาอุปราชตายแล้วอุยเอี๋ยนมิได้ทำตาม แล้วคิดเปนขบถคุมทหารรีบมาสกัดอยู่ปากทางเจียงโต๋ หวังจะชิงเอาศพไปให้ข้าศึก พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้น จึงเอาหนังสือสองฉบับนั้นปรึกษากับขุนนางทั้งปวง ว่าผู้ใดจะเห็นประการใด

เจียวอ้วนจึงทูลว่า อันน้ำใจอุยเอี๋ยนนั้นริษยาหาความสัตย์มิได้ แล้วถือตัวว่าเปนใหญ่ ครั้นเห็นเอียวหงีเปนแม่ทัพก็มีทิฎฐิมานะมิได้อ่อนน้อม จึงคิดเอาใจออกหากบอกกล่าวโทษเอียวหงีมา อันเอียวหงีนั้นเปนคนสัตย์ซื่อ มหาอุปราชได้ใช้สอยมานานแล้วมิได้ติเตียนประการใด ข้าพเจ้าขอประกันตัวเอียวหงีไว้ แม้เอียวหงีเปนขบถก็ให้เอาบุตรภรรยาข้าพเจ้าฆ่าเสียให้สิ้นเถิด

พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงถามว่า ซึ่งอุยเอี๋ยนเปนขบถนี้เราจะคิดกำจัดเสียประการใด เจียวอ้วนจึงทูลว่าพระองค์อย่าทรงพระวิตกเลย ข้าพเจ้าเห็นว่ามหาอุปราชจะบอกกลอุบายไว้แก่เอียวหงีให้คิดอ่านกำจัดอุย เอี๋ยนเสียเปนมั่นคง พอบิฮุยมาทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนตามอุยเอี๋ยนคิดอ่านเอาใจออกหากนั้นทุกประการ พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้น ก็ปรึกษากับขุนนางทั้งปวงแล้วให้ตั๋งอุ๋นไปเกลี้ยกล่อมเอาใจอุยเอี๋ยนไว้ ตั๋งอุ๋นก็กราบถวายบังคมลาไป

ฝ่ายอุยเอี๋ยนเมื่อตั้งอยู่ ณ ทางเจี๋ยงโต๋ แล้วยกเลื่อนเข้าไปตั้งมั่นอยู่ ณ ปากทางจำก๊ก ก็มีใจยินดีว่าครั้งนี้สมความคิดเปนมั่นคงแล้ว ขณะนั้นเอียวหงีกับเกียงอุยรู้ จึงให้โฮเป๋งคุมทหารสามพันอยู่ป้องกันข้างหลัง แล้วก็ยกทัพพาศพขงเบ้งออมลัดทางจะไป ณ เมืองฮันต๋ง โฮเป๋งคุมทหารมาข้างท้าย ครั้นเห็นเอียวหงีเกียงอุยยกไปพ้นตำบลจำก๊กแล้ว ก็ให้ทหารโห่ขึ้นเปนทีเยาะอุยเอี๋ยน ม้าใช้เห็นดังนั้นก็รีบไปบอกแก่อุยเอี๋ยนว่า เอียวหงีเกียงอุยพาศพขงเบ้งหนีลัดทางไป ณ เมืองฮันต๋ง โฮเป๋งคุมทหารอยู่ป้องกันข้างหลัง บังอาจร้องท้าทายเยาะเย้ยท่าน

อุยเอี๋ยนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงใส่เกราะถือทวนขึ้นม้าพาทหารรีบตามไป โฮเป๋งเห็นอุยเอี๋ยนตามมาก็หยุดอยู่ จึงเอาแซ่ชี้หน้าแล้วร้องด่าอุยเอี๋ยนว่า มหาอุปราชตายเนื้อยังไม่ทันเย็น เหตุใดมึงจึงคิดขบถดังนี้ แล้วร้องประกาศแก่ทหารซึ่งมากับอุยเอี๋ยนว่า บันดาชาวเจ้าทั้งปวงนี้เมื่อมหาอุปราชยังอยู่นั้นก็มิได้ทำสิ่งใดให้เคืองใจ เหตุใดจึงมาเข้าด้วยอ้ายขบถนี้ไม่คิดถึงบุตรภรรยาหรือ จงชวนกันเข้าไปรับเอาเบี้ยหวัด ณ เมืองเสฉวน จะได้เลี้ยงบุตรภรรยาสืบไป ทหารทั้งปวงได้ยินดังนั้นเห็นชอบด้วย ก็หนีอุยเอี๋ยนไปประมาณกึ่งหนึ่ง

อุยเอี๋ยนได้ฟังโฮเป๋งว่าแล้วเห็นทหารหนีไป ก็มีใจโกรธเปนอันมาก จึงขับม้ารำง้าวเข้ามารบกับโฮเป๋งได้สิบเพลง โฮเป๋งทานกำลังอุยเอี๋ยนไม่ได้ก็ขับม้าหนี อุยเอี๋ยนได้ทีขับม้าไล่ตามไปแต่ตัวผู้เดียวทหารโฮเป๋งเห็นดังนั้นก็ช่วย กันเอาเกาทัณฑ์ระดมยิงมาเปนสามารถ อุยเอี๋ยนเห็นทุกเกาทัณฑ์นั้นหนาหนักก็ชักม้าถอยมา เห็นทหารของตัวนั้นเบาบางไปก็โกรธ ท่าสง่าไล่ฆ่าฟันทหารตายประมาณเก้าคนสิบคน ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็กลัวมิได้หนีต่อไป อุยเอี๋ยนเห็นม้าต้ายคุมทหารเปนปรกติ จึงว่าตัวท่านนี้ใจสัตย์ซื่อต่อเรา แม้เราทำการได้สมความคิดแล้วจะปูนบำเหน็จท่านให้ถึงขนาด แล้วก็พาม้าต้ายแลทหารทั้งปวงตามโฮเป๋งไปทางประมาณสองร้อยเส้น ครั้นไม่ทันแล้วก็หยุดอยู่ จึงปรึกษาแก่ม้าต้ายว่า เราจะชวนกันไปเข้าด้วยโจยอยเถิดหรือประการใด

ม้าต้ายจึงแกล้งตอบว่าท่านว่านี้ไม่ควร ธรรมดาเปนชาติทหารถ้าคิดการสิ่งใดก็ให้สำเร็จ จึงจะปรากฎชื่อเสียงไปภายหน้า อันตัวท่านบัดนี้ก็มีฝีมือกล้าหาญ ประกอบด้วยสติปัญญาคิดการลึกซึ้ง ในเมืองเสฉวนแลเมืองฮันต๋งนั้น หาผู้ใดจะต้านทานฝีมือแลความคิดท่านไม่ ข้าพเจ้าจะขออาสาตีเอาเมืองฮันต๋ง แล้วจะตีเมืองเสฉวนให้ได้ ท่านก็จะได้เปนใหญ่ อุยเอี๋ยนมิได้รู้กลอุบายก็มีใจยินดี จึงพาทันรีบยกไปตั้งอยู่ใกล้กำแพงเมืองฮันต๋ง

ฝ่ายเกียงอุยขึ้นบนเชิงเทิน เห็นอุยเอี๋ยนตั้งค่ายอยู่เชิงกำแพงเมืองก็ตกใจ จึงปรึกษาแก่เอียวหงีว่า อุยเอี๋ยนมีทหารน้อย แต่กำลังแลฝีมือกล้าหาญนัก ทั้งได้ม้าต้ายไว้เปนกำลัง เราจะคิดกำจัดนั้นประการใด เอียวหงีจึงตอบว่า มหาอุปราชได้ให้หนังสือไว้ แล้วสั่งไว้ว่าอุยเอี๋ยนจะเปนขบถ ถ้ามันยกตามมาถึงเชิงกำแพงเมืองจึงให้เอาหนังสือออกดู ประการหนึ่งก็ได้สั่งความลับกับม้าต้าย ๆ ไปอยู่กับอุยเอี๋ยนหวังจะคอยทำการ แล้วเอียวหงีก็ฉีกออกดูเห็นหนังสือชั้นนอกนั้นสั่งไว้ว่า ถ้าขึ้นม้าออกไปรบกับอุยเอี๋ยนจึงให้ฉีกหนังสือชั้นในออกดู

เกียงอุยเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าแก่เอียวหงีว่าท่านจงเอาหนังสือนี้ไว้เถิด ตัวเราจะออกไปรบกับอุยเอี๋ยนก่อน ท่านจงคุมทหารหนุนออกไป เอียวหงีเห็นชอบด้วย เกียงอุยก็ขึ้นม้าคุมทหารไปร้องด่าอุยเอี๋ยนว่า เมื่อมหาอุปราชยังอยู่นั้นมิได้ทำหยาบช้าแก่มึงประการใด เหตไฉนมึงจึงคิดขบถดังนี้ อุยเอี๋ยนจึงตอบว่า มิใช่เปนการของมึง จงเร่งกลับไปบอกเอียวหงีตัวการออกมารบกับกูจึงจะชอบ

ขณะนั้นเอียวหงีคุมทหารหนุนออกไปอยู่ในกองทหารเกียงอุย พอได้ยินอุยเอี๋ยนร้องว่ามาดังนั้น ก็ฉีกหนังสือออกดูเปนใจความว่าให้ลวงอุยเอี๋ยน แม้อุยเอี๋ยนมีใจกำเริบร้องว่าใครจะอาจสามารถฆ่ากูได้ แลเนื้อความทั้งนี้ก็ได้สั่งความลับไว้กับม้าต้าย เอียวหงีแจ้งในหนังสือดังนั้น จึงร้องว่าไปแก่อุยเอี๋ยนว่า มหาอุปราชแจ้งอยู่ว่ามึงจะเปนขบถ จึงสั่งไว้ให้กูฆ่าเสีย แม้มึงอาจสามารถแหงนหน้าขึ้นไปบนอากาศร้องด้วยเสียงอันดังได้สามคำว่า ผู้ใดซึ่งกล้าหาญจะบังอาจมาฆ่ามึงได้ กูจะยกเมืองฮันต๋งให้

อุยเอี๋ยนจึงตอบว่ามึงจงฟังเถิด แล้วแหงนหน้าขึ้นไปร้องว่า ผู้ใดอาจสามารถจะฆ่ากูได้ ม้าต้ายยืนม้าอยู่ข้างหลังอุยเอี๋ยน ได้ยินอุยเอี๋ยนร้องขึ้นแต่คำเดียวดังนั้น ก็ร้องว่ากูผู้มีฝีมือได้รับคำมหาอุปราชไว้ว่าจะฆ่ามึง แล้วเอากระบี่ฟันถูกสีสะอุยเอี๋ยนขาดออกจากกาย เอียวหงีกับเกียงอุยเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้ม้าต้ายเอาสีสะอุยเอี๋ยนกลับเข้าเมืองฮันต๋ง พอพบตั๋งอุ๋นถ้อยทีถอยแจ้งเนื้อความให้กันฟังทุกประการ เอียวหงีกับเกียงอุยจึงให้ม้าต้ายกับตั๋งอุ๋นเอาสีสะอุยเอี๋ยนขึ้นไปถวายพระ เจ้าเล่าเสี้ยนก่อน เราจะนำศพมหาอุปราชไปต่อภายหลัง ม้าต้ายตั๋งอุ๋นก็ลาไปถึงเมืองเสฉวน จึงเอาสีสะอุยเอี๋ยนถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยน แล้วทูลเนื้อความทั้งปวงให้ทราบทุกประการ พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นจึงตรัสแกขุนนางทั้งปวงว่า อุยเอี๋ยนกระทำความผิดก็ถึงแก่ความตายแล้ว อันความชอบอุยเอี๋ยนก็มีอยู่แต่ก่อน จึงพระราชทานเงินทองไปให้บุตรภรรยาแต่งการศพอุยเอี๋ยน

ฝ่ายเอียวหงีเกียงอุยนำศพขงเบ้งมาถึงนอกเมืองเสฉวน พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็ทรงเครื่องขาว ให้ขุนนางทั้งปวงนุ่งขาวห่มขาว แล้วเสด็จขึ้นรถออกไปรับศพขงเบ้งทางประมาณสองร้อยเส้น พระเจ้าเล่าเสี้ยนกับขุนนางทั้งปวง แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็ร้องไห้รักทุกคน แล้วเชิญศพขงเบ้งเข้ามาให้จูกัดเจี๋ยมรักษาไว้ ณ บ้านก่อน เอียวหงีจึงเอาหนังสือขงเบ้งถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยนแล้วทูลว่า ขงเบ้งสั่งว่าให้เอาศพไปฝังไว้ ณ เขาเตงกุนสัน แต่อย่าให้ก่อกุฏิแลแต่งเครื่องเส้นเลย พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งในหนังสือแลคำขงเบ้งสั่งก็ทรงโศกเสร้าเปนอันมาก ครั้นถึงวันกำหนดก็เชิญศพขงเบ้งไปฝังไว้ณะเขาเตงกุนสาน แล้วตั้งเอียวหงีเปนขุนนางฝ่ายกรมวัง ให้ม้าต้ายเปนที่ขุนนางแทนอุยเอี๋ยน

ครั้นอยู่มาวันหนึ่งม้าใช้เอาเนื้อความมาบอก ขุนนางทั้งปวงปรึกษากันแล้วทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า กองทัพเมืองกังตั๋งคุมทหารประมาณสิบหมื่นยกมาตั้งอยู่ ณ ปากทางเมืองปากิ๋ว พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็ตกใจจึงว่ามหาอุปราชถึงแก่ความตาย เมืองกังตั๋งยกกองทัพมาดังนี้จะทำประการใด

เจียวอ้วนจึงทูลว่า ขอให้เตียวหงีกับอองเป๋งคุมทหารสิบหมื่นไปตั้งอยู่ ณ เมืองเองอั๋น แล้วให้แต่งขุนนางไปบอกซุนกวนว่าขงเบ้งตายแล้ว หวังจะได้ฟังกิตติศัพท์เมืองกังตั๋งว่าซุนกวนจะคิดอ่านประการใด พระเจ้าเล่าเสี้ยนเห็นชอบด้วย จึงให้เตียวหงีกับอองเป๋งยกกองทัพไป แล้วให้จองอี้เปนขุนนางผู้ใหญ่ซึ่งมีสติปัญญาไป ณ เมืองกังตั๋งตามคำเจียวอ้วน ว่า จองอี้ก็ลาไปถึงเมืองกังตั๋ง เห็นขุนนางทั้งปวงนุ่งขาวห่มขาว จองอี้เข้าไปคำนับซุนกวนแล้วบอกว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนให้ข้าพเจ้ามาแจ้งเนื้อความว่าขงเบ้งถึงแก่ความตายแล้ว

ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็ทำโกรธแล้วว่า เมืองกังตั๋งกับเมืองเสฉวนก็เปนไมตรีกัน เรารู้ว่าขงเบ้งตายเราให้ชาวเมืองนุ่งขาวห่มขาว เหตุใดพระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงให้ยกกองทัพมาตั้งอยู่ ณ เมืองเองอั๋น หวังจะแก้แค้นครั้งลกซุนให้เผาทหารเล่าปี่เสียถึงเจ็ดสิบสองหมื่น จนเล่าปี่หนีเข้าไปอยู่เมืองเป๊กเต้เสียจนถึงแก่ความตาย จองอี้จึงตอบว่าแดนเมืองเสฉวนฝ่ายตวันออกมาจนถึงเมืองปากิ๋ว ฝ่ายตวันตกไปถึงเมืองเป๊กเต้เสีย พระเจ้าเล่าเสี้ยนรู้ว่ากองทัพเมืองกังตั๋งยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองปากิ๋ว จึงแต่งกองทัพเมืองเสฉวนมาป้องกันไว้ ณ เมืองเองอั๋น

ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งเล่าเสี้ยนทำดังนี้เอาความคิดเตงจี๋ผู้ตายอยู่ในเมืองเสฉวน แล้วว่าแต่เรารู้ข่าวว่าขงเบ้งถึงแก่ความตาย เราก็เปนทุกขอยู่เปนอันมาก เราเกรงว่าโจยอยจะให้ยกไปตีเมืองเสฉวน เราจึงแต่งกองทัพไปตั้งสกัดไว้ ณ เมืองปากิ๋ว หวังจะช่วยป้องกันเมืองเสฉวน จองอี้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีกราบคำนับซุนกวนแล้วว่า ซึ่งท่านคิดทั้งนี้สมควรนัก

ซุนกวนจึงว่า ตัวเรานี้รักษาความสัตย์อยู่ มิได้คิดร้ายต่อเมืองเสฉวนเลย จึงเอาลูกเกาทัณฑ์มาหักออกเปนสองท่อนแล้วสาบาลว่า ถ้าเราคิดร้ายต่อเมืองเสฉวน ก็ให้เราแลลูกหลานเราทั้งปวงเปนอันตรายเหมือนลูกเกาทัณฑ์นี้เถิด แล้วจัดแจงสิ่งของให้ทหารคุมไปเส้นศพขงเบ้ง จองอี้ก็ลาพาทหารซุนกวนไปถึงเมืองเสฉวนทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนทุกประการ บัดนี้ซุนกวนให้ทหารคุมสิ่งของมาเส้นศพขงเบ้งด้วย พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็ยินดี จึงปูนบำเหน็จจองอี้แล้วพระราชทานทหารซุนกวนซึ่งมาเส้นศพขงเบ้งนั้นตามสมควร ทหารซุนกวนก็ลากลับไปเมืองกังตั๋ง

พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ตั้งเจียวอ้วนขึ้นเปนมหาอุปราชตามคำขงเบ้ง ให้บิฮุยเปนผู้ช่วยราชการมหาอุปราช งออี้นั้นเปนทหารใหญ่ได้ว่าราชการในเมืองฮันต๋ง เกียงอุยเปนขุนนางสำหรับบังคับบัญชานายทหารทำการสงครามแลขุนนางทั้งปวงให้ อยู่ตามที่ งออี้กับเกียงอุยกราบถวายบังคมลาไปอยู่ ณ เมืองฮันต๋ง เอียวหงีครั้นออกมาถึงบ้านก็มีความน้อยใจว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนตั้งเจียวอ้วนเปนมหาอุปราชแทน จึงว่าแก่บิฮุยว่า เมื่อขงเบ้งตายนั้นก็มอบตราสำหรับที่ไว้แก่เรา แม้เราจะคิดเอาใจออกหากไปเข้าด้วยโจยอยก็จะมีความสุข จะไม่ได้อยู่ในบังคับเจียวอ้วน บิฮุยมิได้ว่าประการใด ครั้นเวลารุ่งเช้าจึงเข้าไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนตามคำเอียวหงีว่าทุกประการ

พระเจ้าเล่าเสี้ยนแจ้งดังนั้นก็โกรธจึงเอาตัวมาถาม เอียวหงีก็รับตามซึ่งได้ว่ากล่าว พระเจ้าเล่าเสี้ยนจะให้เอาไปฆ่าเสีย เจียวอ้วนจึงทูลว่า แต่ก่อนนั้นเอียวหงีก็ได้ทำความชอบมาเปนอันมาก ครั้งนี้เอียวหงีเจรจาผิดข้าพเจ้าจะขอชีวิตไว้ แต่ให้ถอดออกจากที่ขุนนาง พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็ให้ทำตาม แล้วให้เอียวหงีเปนไพร่ไปอยู่ ณ เมืองแก่กุ๋นซึ่งขึ้นแก่เมืองฮันต๋ง เอียวหงีมีความแค้นแลอัปยศแก่ไพร่บ้านพลเมืองก็เชือดคอตายเสีย

Download

กรุณาแสดงความคิดเห็น

ชื่อ

กวนอู,67,การ์ตูน,19,การเมือง,77,กิจกรรม,18,เกม,160,ขงเบ้ง,94,ของสะสม,40,ข่าวสาร,118,คำคมสามก๊ก,77,จิวยี่,5,จูล่ง,21,โจโฉ,66,ซุนกวน,7,เตียวหุย,11,เนื้อหาสามก๊ก,5,บทความ,353,บุคคลภาษิตในสามก๊ก,12,แบบเรียน,8,ปรัชญา,45,เพลง,41,ภาพยนตร์,53,รูปภาพ,67,ลิโป้,9,เล่าปี่,18,วิดีโอ,66,วิธีคิดวิธีทำงาน,13,เว็บไซต์,14,สถานที่,21,สามก๊ก12,14,สามก๊ก13,32,สามก๊ก14,3,สามก๊ก2010,95,สามก๊ก8,1,สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน),87,สุมาอี้,15,หงสาจอมราชันย์,13,หนังสือ,173,อาวุธ,7,แอป,43,Dynasty Warriors,57,E-book,87,
ltr
item
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy: สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78
ebook สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 78
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhX0410wyG_oWqpw0rCb4zEHwHzabMAdLyB8gC-Tkog8eI5WaUfLLk5SDOzB7-8qDHIsCTIdpB6aoJLyBhCMiEiLOBIpxf113vArmXvStJQlKgUu1-YnZXbL2sIGwoP0EVnOGV0U5sXnoM/w452-h640-rw/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588-%25E0%25B9%2597%25E0%25B9%2598.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhX0410wyG_oWqpw0rCb4zEHwHzabMAdLyB8gC-Tkog8eI5WaUfLLk5SDOzB7-8qDHIsCTIdpB6aoJLyBhCMiEiLOBIpxf113vArmXvStJQlKgUu1-YnZXbL2sIGwoP0EVnOGV0U5sXnoM/s72-w452-c-h640-rw/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588-%25E0%25B9%2597%25E0%25B9%2598.jpg
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy
https://www.samkok911.com/2020/07/samkok-ebook-78.html
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/2020/07/samkok-ebook-78.html
true
4216477688648787518
UTF-8
โหลดเนื้อหาทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ดูทั้งหมด อ่านเพิ่ม ตอบ ยกเลิกการตอบ ลบ โดย หน้าแรก หน้า โพสต์ ดูทั้งหมด เรื่องแนะนำสำหรับคุณ หมวดหมู่บทความ เนื้อหาในช่วงเวลา ค้นหา บทความทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่คุณต้องการ กลับหน้าแรก Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat January February March April May June July August September October November December Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec just now 1 minute ago $$1$$ minutes ago 1 hour ago $$1$$ hours ago Yesterday $$1$$ days ago $$1$$ weeks ago more than 5 weeks ago Followers Follow THIS PREMIUM CONTENT IS LOCKED STEP 1: Share to a social network STEP 2: Click the link on your social network Copy All Code Select All Code All codes were copied to your clipboard Can not copy the codes / texts, please press [CTRL]+[C] (or CMD+C with Mac) to copy สารบัญ