Loading ...

$show=home

จุดเริ่มต้นของการศึกษาสามก๊ก

แหล่งศึกษาเรียนรู้ ทุกเรื่องราวของวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลก

สามก๊กวิทยา : THREE KINGDOMS ACADEMY

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักร
"สามก๊กวิทยา"
THREE KINGDOMS ACADEMY

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44

เนื้อหา

  • เล่าปี่กับขงเบ้งลอบเข้าเมืองลำกุ๋นได้ก่อน 
  • เล่าปี่ได้เมืองเกงจิ๋วแลเมืองซงหยง 
  • โลซกไปทวงเมืองสามเมืองกับเล่าปี่ 
  • เล่าปี่ปราบปรามหัวเมืองมณฑลเกงจิ๋ว 
  • เล่าปี่ได้ฮองตงแลอุยเอี๋ยนเป็นทหารเอก 

ขณะ เมื่อจิวยี่ยกกองทัพมาจะตีเอาเมืองลำกุ๋นนั้น ฝ่ายเล่าปี่กับขงเบ้งก็พาเล่ากี๋กวนอูเตียวหุยจูล่งแลทหารทั้งปวงยกตามกอง ทัพจิวยี่มาตั้งซุ่มอยู่กลางทาง ขงเบ้งจึงให้ม้าใช้ลอบไปคอยฟังเหตุการณ์ซึ่งจิวยี่กับโจหยินรบกันนั้น ฝ่ายม้าใช้กลับมาบอกขงเบ้งว่าบัดนี้จิวยี่ตายแล้ว ขงเบ้งแจ้งดังนั้นก็รู้ว่าจิวยี่คิดทำกลอุบาย จึงพาเล่าปี่แลทหารทั้งปวงตัดอ้อมทางไปตั้งซุ่มอยู่ริมเมืองลำกุ๋นไม่ให้จิ วยี่รู้ ครั้นโจหยินยกออกมาปล้นค่ายจิวยี่ ขงเบ้งจึงให้ทหารร้องเข้าไปบอกแก่ชาวเมืองว่า บัดนี้ทัพโจหยินแตกมาให้เร่งเปิดประตูรับ ตันเกียวคิดว่าจริงก็ให้ทหารเปิดประตูรับ เล่าปี่กับขงเบ้งก็เข้าไป แล้วให้จูล่งกับทหารทั้งปวงขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินทั้งปวงไว้

ฝ่ายจูล่งครั้นเห็นจิวยี่คุมทหารเข้ามาถึงเชิงกำแพงเมืองจึงร้องลงไปว่า ข้าพเจ้าขออภัยจิวยี่เถิด บัดนี้ขงเบ้งให้ข้าพเจ้าคุมทหารมาตีเมืองลำกุ๋นได้ก่อนแล้ว จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงให้ทหารเข้ารบพุ่งทำลายประตูแลกำแพง จูล่งเห็นดังนั้นก็ให้ทหารทิ้งก้อนศิลายิงเกาทัณฑ์ไปเปนอันมาก จิวยี่เห็นทหารเข้ารอเชิงกำแพงไม่ได้ก็ถอยทหารกลับมาค่าย แล้วปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า บัดนี้ขงเบ้งพาเล่าปี่มาชิงเอาเมืองลำกุ๋นแล้ว อันเมืองเกงจิ๋วกับเมืองซงหยงนั้น ถ้าละไว้ช้าไม่ไปตีเอาให้ได้ก่อน ขงเบ้งก็จะแต่งทหารไปชิงเอาอิก ภายหลังเราก็จะได้ความขัดสน ที่ปรึกษาเห็นชอบด้วย จิวยี่จึงให้กำเหลงคุมทหารสามพันยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว ให้เล่งทองคุมทหารสามพันยกไปตีเมืองซงหยง

ขณะเมื่อจิวยี่สั่งกำเหลงเล่งทองนั้นก็พอม้าใช้มาบอกว่า บัดนี้ขงเบ้งให้ทหารปลอมเปนทหารโจหยิน ถือตราแลธงสำหรับเรียกทหารในเมืองเกงจิ๋ว ผู้รักษาเมืองมิได้รู้กลอุบายก็จัดทหารให้ แลเตียวหุยก็ยกทหารเข้าตีเมืองเกงจิ๋วแล้ว เมืองซงหยงนั้นขงเบ้งก็ให้ทหารปลอมไปว่าเหมือนกัน ครั้นแฮหัวตุ้นคุมทหารออกมาให้ ฝ่ายกวนอูก็ยกเข้าตีเมืองซงหยง จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าขงเบ้งได้ตราแลธงไหนมา เทียเภาจึงว่า เมื่อขงเบ้งได้เมืองลำกุ๋นแล้ว ตันเกียวก็อยู่ในเงื้อมมือเขา ขงเบ้งจึงเรียกเอาตราแลธงแต่งให้กวนอูเตียวหุยไปทำการทั้งนี้ จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็เสียใจยิ่งมีความโกรธขึ้นเปนอันมาก จึงร้องด้วยเสียงอันดังว่า ตัวกูเปนชาติทหารทำการมาได้ถึงเพียงนี้ ขงเบ้งมาชิงเอาเมืองไปได้ถึงสามตำบล กูจำจะคิดฆ่าขงเบ้งเสียให้ได้ แล้วจะชิงเอาเมืองทั้งสามนี้มาขึ้นแก่เมืองกังตั๋งให้ได้ แลพิษยานั้นก็กำเริบขึ้นจิวยี่สลบลง คนทั้งปวงช่วยกันแก้ไขฟื้นขึ้น จิวยี่จึงให้หาโลซกเข้ามาปรึกษาว่า บัดนี้ขงเบ้งคิดการชิงเอาเมืองได้ถึงสามตำบล จำเราจะยกกองทัพไปกำจัดเล่าปี่ขงเบ้งเสียให้ได้ ท่านจะเห็นประการใด

โลซกจึงว่า ซึ่งโจโฉแตกไปครั้งนี้ใช่จะนิ่งเสียทีเดียวหามิได้ เห็นจะคิดอ่านแก้แค้นเปนมั่นคง อันซุนกวนนายเราบัดนี้ก็ยกไปตีเมืองหับป๋าอยู่ เราก็ยังไม่ได้ข่าวประการใดก่อน ฝ่ายเล่าปี่กับเราก็เหมือนหนึ่งเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งท่านจะยกกองทัพไปกำจัดเล่าปี่ขงเบ้งเสียนั้น เกลือกโจโฉรู้ไปจะยกมาตีเอาเมืองกังตั๋ง เราก็จะเปนสองกังวลอยู่ ประการหนึ่งเล่าปี่ก็เปนคนรู้จักกันมาแต่ก่อน เกลือกเล่าปี่จะเอาเมืองทั้งสามตำบลนี้ไปออกแก่โจโฉ แล้วตัวเล่าปี่ขงเบ้งนั้นก็จะเข้าร่วมคิดทำการศึกด้วยโจโฉนั้น เมืองกังตั๋งนี้ก็จะมีอันตรายเปนมั่นคง

จิวยี่จึงตอบว่า เมื่อทำการศึกกับโจโฉนั้นเราก็ได้เสียสเบียงแลเงินทองปูนบำเหน็จทหารเปนอัน มาก แล้วก็ได้ยกมาทำการรบพุ่งถึงเมืองลำกุ๋น อันเล่าปี่กับขงเบ้งมิได้เสียเงินทองแลสเบียงอาหารเลย มาชุบมือเอาเมืองสามตำบลนี้โดยง่าย เราก็มีความแค้นเปนอันมาก โลซกจึงว่าท่านมีความแค้นนั้นก็ควรอยู่ แต่ของดให้ข้าพเจ้าไปว่ากล่าวแก่เล่าปี่ขงเบ้งโดยดีก่อน แม้เล่าปี่ขงเบ้งขัดขวางประการใด จึงค่อยคิดการสืบต่อไป จิวยี่ได้ฟังดังนั้นจึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวง ๆ ก็ว่าโลซกคิดนี้ชอบอยู่ จิวยี่ก็ยอมให้โลซกไป

โลซกก็ลาจิวยี่แล้วพาพัคพวกเก้าคนสิบคนเข้าไป ณ เมืองลำกุ๋น พอพบจูล่งโลซกจึงว่า ท่านจงบอกเล่าปี่ว่าเราจะขอเข้าไปหา จูล่งจึงว่าบัดนี้เล่าปี่กับขงเบ้งพากันกลับไปอยู่เมืองเกงจิ๋ว โลซกแจ้งดังนั้นก็พาพัคพวกรีบตามไปถึงเมืองเกงจิ๋วเห็นธงที่ปักอยู่บน หน้าที่เชิงเทิน โลซกจึงคิดว่า อันสติปัญญาขงเบ้งนั้นลึกซึ้งนัก ยากที่จะหยั่งได้ แล้วจึงบอกนายประตูว่าเราจะขอเข้าไปหาเล่าปี่ นายประตูก็เอาเนื้อความเข้าไปบอกขงเบ้งว่าโลซกเข้ามาหา ขงเบ้งจึงให้เปิดประตูรับโลซกเข้ามา ขงเบ้งเห็นโลซกเข้ามาก็เชิญให้นั่งที่สมควร แต่เล่าปี่นั้นขงเบ้งให้อยู่ที่ข้างใน โลซกคำนับขงเบ้งแล้วว่า ซึ่งโจโฉคุมทหารประมาณร้อยหมื่นยกกองทัพมานั้นใช่จะทำอันตรายแก่เมืองกัง ตั๋งหามิได้ โจโฉคิดจะจับเอาแต่ตัวเล่าปี่ อันซุนกวนกับจิวยี่มีใจเอ็นดูเล่าปี่ จึงปรึกษากันให้จิวยี่ยกกองทัพออกมาต้านทานโจโฉ หวังจะช่วยเล่าปี่ให้พ้นความตาย ทั้งจะได้ช่วยป้องกันเมืองกังตั๋งด้วย ซึ่งซุนกวนจิวยี่ทำการทั้งปวงนี้ท่านก็แจ้งอยู่ว่าเสียเงินทองแลสเบียงอาหาร เปนอันมาก ครั้นโจหยินโจหองแตกไป ท่านกับเล่าปี่คิดอ่านกันชิงเอาเมืองเกงจิ๋ว เมืองซงหยงเมืองลำกุ๋นไว้นี้ไม่สมควร ข้าพเจ้าเห็นผิดประเพณี จึงมาว่ากล่าวหวังจะเตือนสติท่าน

ขงเบ้งจึงตอบว่า ตัวท่านเปนคนมีสติปัญญาอยู่ ควรหรือมาว่าดังนี้เล่า อันเมืองสามตำบลนี้แม้เปนเมืองของโจโฉเราก็จะยกให้ซุนกวน อันเมืองทั้งสามนี้เปนเมืองของเล่าเปียว ท่านก็แจ้งอยู่ว่า เล่าเปียวกับเล่าปี่เปนพี่น้องกัน ถึงเล่าเปียวตายแล้วเล่ากี๋ผู้บุตรก็ยังอยู่ เรากับเล่าปี่จึงชิงเอาเมืองสามตำบลนี้ไว้หวังจะให้กับเล่ากี๋ ท่านจะว่าผิดประเพณีด้วยอันใด โลซกจึงว่า เมืองทั้งนี้เปนของเล่าเปียวก็จริงอยู่ แต่เล่ากี๋ผู้บุตรนั้นก็ไปอยู่ ณ เมืองกังแฮ จะได้มาอยู่ที่นี้ด้วยหามิได้ เหตุใดท่านจึงว่าจะเอาเมืองนี้ไว้ให้แก่เล่ากี๋ ขงเบ้งจึงตอบว่า ท่านจะใคร่เห็นเล่ากี๋หรือ บัดนี้เล่ากี๋ป่วยอยู่ แล้วก็สั่งให้คนพยุงเล่ากี๋ออกมา เล่ากี๋จึงว่าแก่โลซกว่าเราขออภัยเถิด ด้วยเราป่วยอยู่จะคำนับท่านนั้นไม่ได้ แล้วก็ให้พยุงกลับเข้าไป โลซกจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า ซึ่งท่านว่ามาแต่หลังนั้นก็ชอบอยู่ แม้เล่ากี๋มีชีวิตอยู่สืบไปก็จะได้เมืองทั้งนี้แทนบิดา ถ้าเล่ากี๋หาชีวิตไม่ท่านจะว่าประการใดเล่า ขงเบ้งจึงตอบว่า ถ้าบุญของเล่ากี๋มีอยู่วันหนึ่งสองวันก็ดีเราก็จะช่วยบำรุงไป แม้หาบุญเล่ากี๋ไม่แล้วจึงค่อยคิดอ่านต่อไป

โลซกจึงซักถามจะให้แจ้งว่า แม้เล่ากี๋ถึงแก่ความตายแล้วท่านยังจะคืนเมืองสามตำบลนี้ให้ซุนกวนหรือ ขงเบ้งก็รับคำเคลือบว่าชอบแล้ว ๆ ก็เชิญโลซกกินโต๊ะเสพย์สุราด้วยกัน โลซกครั้นกินโต๊ะแล้วก็ลาขงเบ้งกลับไปถึงค่าย จึงเอาเนื้อความเล่าให้จิวยี่ฟังทุกประการ จิวยี่แจ้งดังนั้นจึงว่า เล่ากี๋นั้นยังหนุ่มอยู่เมื่อไรจะถึงความตาย เหตุใดท่านจึงมาสัญญาดังนี้ โลซกจึงตอบว่า อันตัวเล่ากี๋ก็ป่วยหนักอยู่แล้ว แลเนื้อความทั้งนี้ท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะคิดอ่านเอาเมืองสามตำบลนี้มาขึ้นแก่เมืองกังตั๋งให้จงได้ จิวยี่ถามว่าท่านคิดเห็นอย่างไรจึงว่าฉนี้ โลซกจึงตอบว่า อันเล่ากี๋นั้นเปนเด็กหนุ่ม พอใจเสพย์สุรามักรักสตรี ซึ่งโรคป่วยอยู่นั้นก็เพราะเหตุสองประการนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าอายุเล่ากี๋จะไม่ยืนไปถึงกึ่งปี แม้ตายลงเมื่อใดข้าพเจ้าจะไปทวงเอาเมืองสามตำบลนั้นให้ได้

ขณะนั้นพอม้าใช้ถือหนังสือซุนกวนมาให้จิวยี่เปนใจความว่า ซุนกวนยกไปทำการสงครามอยู่ ณ เมืองหับป๋า ได้รบพุ่งกับเตียวเลี้ยวทหารโจโฉยังไม่แพ้ชนะกัน ให้จิวยี่แบ่งทหารยกมาช่วยจะได้ทำการต่อไป ครั้นจิวยี่แจ้งดังนั้นจึงจัดแจงแบ่งทหารให้เทียเภาคุมไปช่วยซุนกวน อันจิวยี่นั้นป่วยอยู่ จึงเลิกกองทัพกลับไปเมืองฉสองกุ๋นปากนํ้าเมืองกังตั๋ง

ฝ่ายเล่าปี่เมื่อได้เมืองสามตำบลไว้ ก็ตั้งใจบำรุงอาณาประชาราษฎรให้ได้ความสุข ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเล่าปี่จึงปรึกษาขงเบ้งแลทหารทั้งปวงว่า เราจะคิดอ่านทำประการใดจึงจะรักษาเมืองเกงจิ๋วไว้ได้ แล้วจะได้คิดการบำรุงแผ่นดินสืบไป ขงเบ้งกับทหารทั้งปวงยังไม่ทันว่าประการใด อิเจี้ยจึงว่า ข้าพเจ้าจะบอกเนื้อความให้ข้อหนึ่ง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี แล้วคิดถึงคุณอิเจี้ยซึ่งได้บอกเหตุ ณ เมืองซงหยง เล่าปี่จุงมืออิเจี้ยขึ้นมานั่งที่ข้างบนแล้วถามว่า ท่านจะบอกเนื้อความสิ่งไรเรา อิเจี้ยจึงว่า ข้าพเจ้ารู้ว่าในแดนเมืองเกงจิ๋วนั้น มีแซ่ม้าอยู่ห้าคนเปนพี่น้องกัน อันม้าเจ๊กผู้น้องนั้นมีฝีมือกล้าแข็ง แต่ม้าเลี้ยงผู้พี่นั้นมีสติปัญญาหลักแหลม แม้ท่านได้มาไว้เปนที่ปรึกษาก็จะได้ช่วยคิดการต่อไป เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้ทหารไปหาม้าเลี้ยงมาแล้วเชิญให้นั่งที่สมควร ถ้อยทีถ้อยคำนับกัน เล่าปี่จึงว่า แผ่นดินทุกวันนี้เปนจลาจลต่าง ๆ อยู่ เราคิดจะทำนุบำรุงให้อยู่เย็นเปนสุข ซึ่งเราเข้ามาอยู่ในเมืองเกงจิ๋วนี้หวังจะได้คิดการต่อไป แต่เราวิตกอยู่ว่า จะป้องกันเมืองเกงจิ๋วประการใดราษฎรจึงจะไม่ได้ความเดือดร้อน ม้าเลี้ยงจึงว่า อันเมืองเกงจิ๋วนี้เปนหน้าศึกอยู่ทั้งสี่ด้าน ยากที่จะป้องกันรักษา ท่านจงตั้งเล่ากี๋เปนเจ้าเมืองเกงจิ๋วไว้เปนเจว็จ แล้วแต่งไปให้เกลี้ยกล่อมคนเก่าของเล่าเปียวเข้ามาซ่องสุมไว้ให้มาก ราษฎรทั้งปวงก็จะอยู่ปรกติ เพราะเห็นว่าเล่ากี๋เปนเจ้าเมืองเกงจิ๋วอยู่ แล้วจงให้แต่งกองทัพไปตีเอาหัวเมืองฝ่ายใต้ซึ่งขึ้นแก่เมืองเกงจิ๋วนี้ คือเมืองบุเหลง เมืองเตียงสา เมืองฮุยเอี๋ยง เมืองเลงเหลง สี่หัวเมืองนี้ประกอบด้วยเงินทองเข้าปลาอาหารก็บริบูรณ์จะได้เปนกำลังต่อไป

เล่าปี่จึงถามว่าท่านจะให้เราตีเอาหัวเมืองใดก่อน ม้าเลี้ยงจึงบอกว่า ให้แต่งกองทัพไปตีเมืองเลงเหลงก่อนด้วยเปนต้นทาง แล้วจึงตีเอาเมืองบุเหลง อันเมืองเตียงสากับเมืองฮุยเอี๋ยงนั้นอยู่ฝ่ายตวันตก ให้ยกไปตีต่อภายหลัง เล่าปี่เห็นชอบด้วยจึงตั้งม้าเลี้ยงไว้เปนที่ปรึกษา ให้เล่ากี๋เปนเจ้าเมืองเกงจิ๋ว แต่ให้ไปอยู่เมืองซงหยง จะได้เกลี้ยกล่อมผู้คนของเล่าเปียวไว้เปนกำลัง แล้วเล่าปี่จึงปรึกษาแก่ขงเบ้งแลทหารทั้งปวงตามคำม้าเลี้ยง ขงเบ้งเห็นชอบด้วย เล่าปี่จึงให้หากวนอูมาจากเมืองซงหยงให้อยู่รักษาเมืองเกงจิ๋ว แล้วเล่าปี่จัดแจงทหารได้หมื่นห้าพัน ให้เตียวหุยเปนกองหน้า ตัวเล่าปี่กับขงเบ้งเปนกองหลวง จูล่งนั้นเปนกองหลัง แล้วก็ยกไปตั้งอยู่ใกล้เมืองเลงเหลง

ฝ่ายเล่าเตาเจ้าเมืองเลงเหลง ครั้นรู้ว่าเล่าปี่ยกกองทัพมา ก็ปรึกษาแก่เล่าเหียนผู้บุตร์ว่า เล่าปี่ยกกองทัพมาจะรบเอาเมืองเรา เจ้าจะคิดอ่านประการใด เล่าเหียนจึงว่า เขาลืออยู่ว่าเล่าปี่มีทหารเอกชื่อเตียวหุยจูล่งมีฝีมือกล้าหาญนัก แต่ทหารเลวนั้นน้อย ฝ่ายเมืองเราโต๊ะเองก็เปนทหารเอก สู้คนได้ถึงหมื่นหนึ่ง จะกลัวอะไรแก่เล่าปี่ ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปตีให้แตกไปจงได้

เล่าเตาได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ จึงจัดทหารให้หมื่นหนึ่ง เล่าเหียนก็ลาบิดาแล้วขี่ม้าคุมทหารออกมาทางประมาณสามร้อยเส้น จึงให้ตั้งค่ายลงที่เนินเขาแห่งหนึ่ง ขงเบ้งเห็นกองทัพเมืองเลงเหลงยกออกมา จึงขึ้นเกวียนถือพัดขนนกมีธงเหลืองปักเกวียนคันหนึ่ง แล้วพาทหารออกไปถึงหน้าค่าย โต๊ะเองเห็นดังนั้นก็ขี่ม้าถือขวานใหญ่คุมทหารออกมาแล้วร้องว่าอ้ายพวกโจร เหตุใดจึงยกล่วงเข้ามาในแดนเมืองของนายกู มึงไม่กลัวความตายหรือ ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า ตัวกูชื่อขงเบ้งอยู่ ณ แดนเมืองลำหยง ครั้งโจโฉคุมทหารร้อยหมื่นยกกองทัพมาจะตีเอาหัวเมืองฝ่ายใต้ กูคิดกลอุบายแต่ข้อเดียวก็เผากองทัพบกทัพเรือโจโฉเสียได้ ซึ่งนายกูยกกองทัพมานี้ แม้มึงอ่อนน้อมโดยดีก็จะรอดชีวิต

โต๊ะเองได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า กูรู้อยู่มึงอย่าอวดไปเลย เมื่อโจโฉแตกนั้นเพราะความคิดจิวยี่ดอก แล้วขับม้าไล่เข้าไปจะจับเอาตัวขงเบ้ง ๆ ก็ให้ขับเกวียนถอยมา โต๊ะเองก็ขับม้าไล่ไปถึงเนินเขา เห็นธงเหลืองซึ่งปักเกวียนนั้นลับหายเข้าไปในหุบเขา ฝ่ายเตียวหุยก็ขับม้ารำทวนออกมา ร้องว่าตัวกูชื่อเตียวหุยมึงจะบังอาจมารบด้วยหรือ โต๊ะเองได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าถือขวานใหญ่เข้ารบด้วยเตียวหุยได้สิบเพลง โต๊ะเองทานกำลังเตียวหุยไม่ได้ก็ควบม้าหนีไป เตียวหุยก็ขับม้าติดตาม โต๊ะเองรีบขับม้าหนีไปถึงปากทาง พอได้ยินเสียงโห่ร้องอื้ออึงแล้วเห็นทหารสองข้างทางออกมาสกัดไว้ จูล่งจึงร้องว่าตัวกูชื่อจูล่งมาจะเอาชีวิตมึง แล้วก็ให้ทหารล้อมเข้าไป โต๊ะเองเห็นจวนตัวเข้าดังนั้น จะหนีออกทางใดก็ไม่ได้จึงทิ้งขวานเสียลงจากม้าเข้ามาคำนับจูล่ง ๆ จึงให้ทหารมัดโต๊ะเองเข้าแล้วพาเอาตัวมาให้เล่าปี่ ณ ค่าย เล่าปี่จึงสั่งให้เอาตัวโต๊ะเองไปฆ่าเสีย ขงเบ้งจึงห้ามไว้แล้วถามโต๊ะเองว่า ตัวท่านถ้าจะยอมอยู่ด้วยนายเรา ๆ จะปล่อยให้ท่านไปเร่งคิดอ่านเอาตัวเล่าเหียนมาให้เราจะได้หรือมิได้ โต๊ะเองก็ว่าแม้ท่านไว้ชีวิตข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะคิดอ่านเอาตัวเล่าเหียนมาให้ท่านจงได้ ถ้าท่านได้ตัวเล่าเหียนก็จะได้ตัวเล่าเตาบิดานั้นโดยง่าย

ขงเบ้งจึงถามว่า ท่านจะไปทำประการใดจึงจะได้ตัวเล่าเหียน โต๊ะเองจึงว่า เวลาคํ่าวันนี้ให้ท่านแต่งกองทัพไปปล้นค่ายเล่าเหียน ข้าพเจ้าจะเปนใส้ศึกจับเอาตัวเล่าเหียนมาให้ท่าน เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ว่า อันโต๊ะเองว่านี้เห็นไม่จริง จะแกล้งว่าเอาแต่ชีวิตรอด ขงเบ้งจึงตอบว่า โต๊ะเองนี้เปนคนมีสัตย์พอจะเชื่อถือได้อยู่ แล้วก็ให้แก้มัดเสียปล่อยไป โต๊ะเองครั้นมาถึงค่ายจึงเล่าเนื้อความทั้งปวงให้เล่าเหียนฟังทุกประการ

เล่าเหียนจึงว่า เราจะคิดอ่านประการใดดี โต๊ะเองจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะคิดแก้ไขให้ได้ ในเวลาวันนี้ทหารเล่าปี่จะยกมาตามคำข้าพเจ้าว่า ค่ายนี้เราจะทิ้งเสีย จะยกทหารออกซุ่มอยู่นอกค่ายเปนสองกอง แม้เห็นทหารเล่าปี่ยกมาเราจึงจะยกเข้าตีกระหนาบ เล่าเหียนเห็นชอบด้วยก็ให้ทำตามคำโต๊ะเอง ครั้นเวลาสองยามเศษเห็นทหารเล่าปี่กองหนึ่งถือมัดฟางครบมือกันลอบมาจุดเพลิง ณ ค่ายไหม้ขึ้น เล่าเหียนกับโต๊ะเองก็คุมทหารตีกระหนาบเข้ามา เหล่าทหารเล่าปี่ก็ลอบหนีไป เล่าเหียนกับโต๊ะเองตามไปไม่ทันก็รื้อกลับมาจะใกล้ถึงค่าย เพลิงนั้นติดสว่างอยู่แล้วแลไปเห็นเตียวหุยขี่ม้ายืนกั้นทางไว้

เล่าเหียนจึงว่าแก่โต๊ะเองว่า เล่าปี่ยกทหารมาปล้นเผาค่ายเรา ทหารในค่ายเล่าปี่นั้นก็จะเบาบาง เราจะคุมทหารไปปล้นเอาก็จะได้โดยง่าย โต๊ะเองเห็นชอบด้วยก็ยกไปปล้นเอาค่ายเล่าปี่ ครั้นมาถึงกลางทางพบจูล่งคุมทหารสกัดอยู่ จูล่งขับม้ารบฝ่าทหารข้าศึกเข้าไปแล้วเอาทวนแทงถูกโต๊ะเองตกม้าตาย เล่าเหียนเห็นดังนั้นก็ตกใจควบม้าหนีไปพบเตียวหุย ๆ เข้ารบพุ่งแล้วจับเล่าเหียนได้มัดเอาตัวมาให้ขงเบ้ง ๆ จึงถามว่า เราจับโต๊ะเองได้ ครั้นปล่อยไปก็กลับคิดการล่อลวง เล่าเหียนจึงว่า ซึ่งทำการล่อลวงท่านนั้นเปนความคิดของโต๊ะเอง ขงเบ้งจึงให้แก้มัดออกเสียเอาเสื้ออย่างดีให้เล่าเหียนเชิญให้กินโต๊ะแล้ว ว่า เราจะปล่อยท่านให้ไปบอกแก่บิดาท่านออกมานบนอบเราโดยดี แม้ท่านเข้าไปไม่พาบิดาออกมา เรารบเข้าไปได้ในเมือง เราจะให้ฟันครอบครัวแลญาติพี่น้องเสียให้สิ้น

เล่าเหียนก็รับคำว่าข้าพเจ้าจะพาบิดามาหาท่าน ขงเบ้งก็ปล่อยเล่าเหียนไป เล่าเหียนเข้ามาถึงเมืองจึงเล่าเนื้อความให้บิดาฟังแล้วว่า อันน้ำใจเล่าปี่กับขงเบ้งนั้นโอบอ้อมอารีนัก เล่าเตาได้ฟังดังนั้นก็เอาธงขาวขึ้นปักบนเชิงเทินให้รู้ว่าเปนเมืองออก เปิดประตูเมืองเสียทั้งสี่ด้าน จัดแจงเงินทองสิ่งของตระการกับตราสำหรับที่ แล้วพาเล่าเหียนผู้บุตรกับชาวเมืองทั้งปวงออกไปคำนับเล่าปี่ ขงเบ้งจึงเอาตราสำหรับที่คืนให้เล่าเตา แล้วว่าเราจะให้ท่านเปนเจ้าเมืองอยู่ดังเก่า แต่เล่าเหียนผู้บุตรยังหนุ่มอยู่เราจะเอาไปเมืองเกงจิ๋วด้วย จะได้ช่วยทำการต่อไป แล้วขงเบ้งก็พาเล่าปี่กับทหารทั้งปวงเข้าไปในเมืองเลงเหลง

เล่าปี่จึงปราบปรามสั่งสอนไพร่บ้านพลเมืองให้อยู่เปนปรกติแล้วว่า ซึ่งเรายกมานี้ก็ได้เมืองเลงเหลงแล้ว อันเมืองฮุยเอี๋ยงนั้นผู้ใดจะอาสาไปตีเอาได้ จูล่งจึงรับว่าข้าพเจ้าจะอาสาไป เตียวหุยก็ว่าอย่าให้จูล่งไปเลย ข้าพเจ้าจะขออาสาไปเอง จูล่งจึงว่าข้าพเจ้าจะเขียนหนังสือให้ทานบนไว้ จะขอทหารสามพันยกไปตีเมืองฮุยเอี๋ยง ถ้าไม่ได้ก็ให้ตัดสีสะข้าพเจ้าเสีย แล้วก็เขียนหนังสือทานบนให้ไว้เปนสำคัญ ขงเบ้งรับทานบนไว้แล้วก็จัดทหารให้จูล่งสามพัน

เตียวหุยจึงว่า อันทานบนนั้นข้าพเจ้าก็จะทำให้ไว้บ้าง จะขอไปรบเอาเมืองฮุยเอี๋ยงถ้าไม่ได้ก็ฆ่าเสียเถิด เล่าปี่ได้ฟังก็ตวาดเอาเตียวหุยแล้วว่า เมื่อจูล่งเขารับอาสาทั้งให้ทานบนไว้เหตุใดจึงมาชิงเขาดังนี้ เตียวหุยก็มิได้ว่าประการใด จูล่งก็ลาเล่าปี่ขงเบ้งแล้วคุมทหารสามพันยกไปจะรบเอาเมืองฮุยเอี๋ยง ม้าใช้ครั้นเห็นกองทัพก็เอาเนื้อความรีบไปบอกเตียวหอมเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยงว่า บัดนี้จูล่งทหารเล่าปี่ยกกองทัพมาจะรบเอาเมือง

เตียวหอมได้ฟังดังนั้นก็ปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า เราจะคิดประการใด ตันเอ๋งกับเปาหลงนายทหารจึงว่า อันเล่าปี่ให้ยกทัพมานี้ ข้าพเจ้าจะขออาสาคุมทหารออกไปรบพุ่งต้านทานไว้มิให้มีอันตรายถึงเมือง เตียวหอมจึงตอบว่าท่านอย่าดูหมิ่นเล่าปี่ อันเล่าปี่นั้นเปนเชื้อพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ มีสติปัญญาสัตย์ซื่อเปนอันมาก ทั้งกวนอูเตียวหุยซึ่งมีฝีมือกล้าแขงเปนทหารเอก บัดนี้เล่าปี่ให้จูล่งนายทหารยกกองทัพมาจะตีเอาเมืองเรา อันจูล่งนั้นมีกำลังกล้าหาญนัก ครั้งโจโฉคุมทหารประมาณร้อยหมื่นมาณทุ่งเตียงบันโบ๋ จูล่งรบพุ่งหักหาญเข้าออกรวดเร็วเหมือนหนึ่งที่เปล่าอันหาทหารมิได้ ซึ่งท่านยังบังอาจจะไปต่อสู้นั้นไม่ได้ ทั้งทหารเราก็น้อย เราจะคิดอ่านอ่อนน้อมจึงจะมีความสุขสืบไป ตันเอ๋งจึงว่า ข้าพเจ้าจะขอออกไปรบดูสักครั้งหนึ่งก่อน แม้ต้านทานไม่ได้จึงอ่อนน้อมต่อภายหลัง เตียวหอมก็ว่าตามเถิด ตันเอ๋งจึงจัดแจงทหารยกออกไปใกล้ค่ายจูล่ง

ฝ่ายจูล่งเห็นดังนั้น ก็ขี่ม้าถือทวนออกมาหน้าทหาร แล้วร้องว่าตัวกูเปนทหารเล่าปี่ ๆ นั้นเปนเชื้อพระวงศ์แล้วก็เปนน้องของเล่าเปียวผู้ตาย บัดนี้เล่าปี่ทำนุบำรุงเล่ากี๋ผู้หลานไว้ แล้วให้กูยกกองทัพมาปราบปรามเมืองฮุยเอี๋ยงซึ่งขึ้นแก่เมืองเกงจิ๋ว เหตุใดมึงจึงอาจคุมทหารออกมาต่อสู้ด้วยกูอันมีฝีมือนี้ มึงไม่กลัวความตายหรือ ตันเอ๋งจึงตอบว่าอันเมืองฮุยเอี๋ยงนี้ขึ้นแก่เมืองเกงจิ๋วก็จริง แต่บัดนี้เล่าเปียวก็ตายแล้ว เตียวหอมนายกูจึงเอาเมืองไปขึ้นแก่โจโฉ มึงอย่าอวดฝีมือเลย อันกูจะอ่อนน้อมเล่าปี่นั้นหาไม่ จูล่งได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำทวนเข้ารบด้วยตันเอ๋งได้ห้าเพลง ตันเอ๋งทานกำลังจูล่งไม่ได้ก็ขับม้าหนี จูล่งขับม้าไล่ตามไปทันจับตันเอ๋งได้ให้ทหารมัดไว้แลทหารตันเอ๋งนั้นก็แตก หนีไปสิ้น จูล่งให้แก้มัดออกเสียแล้วว่าแก่ตันเอ๋งว่าเราไม่ฆ่าชีวิตตัวแล้ว เราจะปล่อยให้ตัวเอาเนื้อความเข้าไปบอกเตียวหอมเจ้าเมืองให้เร่งมาอ่อนน้อม ต่อเราโดยดี ถ้าขัดแขงอยู่เรารบเข้าไปในเมืองได้ก็จะฆ่าเสียทั้งบุตรภรรยา ตันเอ๋งมีความยินดีรับคำจูล่งแล้วก็คำนับลากลับเข้าไป จึงเอาเนื้อความนั้นเล่าให้เตียวหอมฟัง เตียวหอมจึงว่าเราได้ห้ามแล้วท่านก็ไม่ฟัง ขืนยกทัพออกไปสู้รบจนได้ความอัปยศ แล้วเตียวหอมจัดแจงสิ่งของกับตราสำหรับที่พาทหารประมาณสิบสี่สิบห้าคนออกไป คำนับจูล่ง ๆ รับเอาตรากับสิ่งของไว้แล้วเชิญเตียวหอมกินโต๊ะ

ขณะเมื่อเสพย์สุราอยู่นั้นเตียวหอมจึงว่า ท่านกับข้าพเจ้าเปนแซ่เดียวกัน แล้วก็เปนชาวเมืองจีนเต๋งด้วยกัน ซึ่งข้าพเจ้าได้ผิดพลั้งนั้นอย่าถือโทษเลย จะขอเปนพี่น้องกันตามแซ่สืบไป จูล่งมีความยินดีถ้อยทีถ้อยถามปีเดือนกัน แลอายุจูล่งนั้นแก่กว่าเตียวหอมสี่เดือน เตียวหอมก็เรียกจูล่งพี่ ครั้นเวลารุ่งเช้าเตียวหอมจึงพาจูล่งกับทหารจูล่งเก้าคนสิบคนเข้าเมือง จูล่งปราบปรามราษฎรชาวเมืองให้อยู่เย็นเปนสุข เตียวหอมเชิญจูล่งเข้าไปกินโต๊ะถึงข้างใน ขณะเมื่อเสพย์สุราอยู่นั้น เตียวหอมจึงให้หาพี่สะใภ้ออกมาคำนับจูล่ง ๆ เห็นหญิงนั้นรูปงาม จึงถามว่าหญิงนี้ชื่อใดเปนอะไรแก่ท่าน เตียวหอมจึงบอกว่าหญิงนี้ชื่อนางฮวนซี เปนภรรยาเตียวหับพี่ข้าพเจ้า บัดนี้เตียวหับตายเสียแล้ว จูล่งจึงว่าพี่สะใภ้ท่านเปนผู้ใหญ่ซึ่งจะให้มาคำนับเราฉนี้ไม่ควร แล้วจูล่งก็บอกให้นางฮวนซีเข้าไปข้างใน นางฮวนซีก็ลาเข้าไป เตียวหอมจึงว่าแก่จูล่งว่า เตียวหับผู้พี่ข้าพเจ้าตายได้สามปีแล้ว ข้าพเจ้าได้ว่ากล่าวให้นางฮวนซีมีผัวใหม่ นางฮวนซีว่าถ้าผู้ใดรูปงามมีสติปัญญาประการหนึ่ง มีฝีมือกล้าหาญลือชาปรากฎประการหนึ่ง เปนแซ่เดียวกีบเตียวหับประการหนึ่ง แม้ได้พร้อมทั้งสามประการดังนี้นางอวนซีจึงจะเอาเปนผัว บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นท่านพร้อมทั้งสามประการเหมือนนางฮวนซีว่าไว้ แล้วท่านก็หาภรรยาไม่ ข้าพเจ้าจึงให้ออกมาคำนับหวังจะยกให้เปนภรรยาท่าน จูล่งได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ลุกขึ้นตวาดเอาแล้วว่า ตัวท่านกับเราก็นับถือว่าแซ่เดียวกัน แลนางฮวนซีเปนพี่สะใภ้ของท่านก็เหมือนพี่สะใภ้ของเรา เหตุใดท่านมาคิดอ่านทำดังนี้จะมิผิดธรรมเนียมไปหรือ เตียวหอมได้ฟังดังนั้นก็มีความละอายใจ จึงพยักให้ทหารซึ่งรับใช้อยู่นั้นจะให้ทำร้ายจูล่ง ๆ เห็นดังนั้นก็โกรธเข้าผลักเอาเตียวหอมล้มลง แล้วจูล่งก็ลงมาขึ้นม้าพาทหารสิบคนกลับออกมา ณ ค่าย เตียวหอมจึงปรึกษากับตันเอ๋งเปาหลงว่า บัดนี้จูล่งโกรธเรา ครั้นเราจะคุมทหารไปทำการรบพุ่ง จูล่งก็มีฝีมืออยู่เห็นจะสู้เขาไม่ได้ ท่านทั้งสองจะเห็นประการใด ตันเอ๋งเปาหลงจึงว่า ข้าพเจ้าจะคุมทหารห้าร้อยทำเปนเข้าด้วยจูล่ง ท่านจงยกกองทัพออกไป แม้จูล่งจะยกออกมารบท่าน ข้าพเจ้าทั้งสองจะจับจูล่งฆ่าเสีย เตียวหอมเห็นชอบด้วย ตันเอ๋งเปาหลงก็คุมทหารห้าร้อยไปถึงค่ายแล้วบอกแก่ทหารจูล่งว่า เราทั้งสองจะขอเข้าไปคำนับจูล่ง ทหารจึงบอกเนื้อความแก่จูล่ง ๆ ได้ฟังดังนั้นก็คิดว่าตันเอ๋งเปาหลงมานี้หวังจะล่อลวงเรา จำจะให้รับเข้ามาจึงจะคิดอ่านจับตัวให้จงได้ แล้วจูล่งก็ให้ทหารออกไปรับตันเอ๋งเปาหลงเข้ามา ตันเอ๋งเปาหลงครั้นเข้าไปถึงก็คำนับจูล่งแล้วว่า ข้าพเจ้าทั้งสองเห็นเตียวหอมทำความผิด ครั้นข้าพเจ้าจะนิ่งอยู่ในเมืองก็จะพลอยกันตายเสียด้วย ข้าพเจ้าจึงพากันออกมาคำนับท่านหวังจะเปนบ่าวสืบไป จูล่งได้ฟังดังนั้นก็ทำเปนยินดี จึงเอาเสื้อผ้าให้ตันเอ๋งกับเปาหลงเปนบำเหน็จแล้วให้แต่งโต๊ะเชิญตันเอ๋งเปา หลงเสพย์สุรา ขณะนั้นตันเอ๋งเปาหลงเปนคนมีความคิดน้อย เสพย์สุราเมาจนเหลือกำลังกินอนหลับไป จูล่งจึงให้ทหารจับตัวตันเอ๋งเปาหลงมัดไว้ แล้วให้จับตัวทหารทั้งห้าร้อยมัดเข้าแล้วขู่ถามว่า ซึ่งตันเอ๋งเปาหลงมานี้ดีแลร้ายประการใด ให้เร่งบอกตามจริง ถ้าอำพรางไว้ก็จะฆ่าเสียให้สิ้น ทหารทั้งนั้นกลัวก็บอกตามทำกลอุบายมา

ฝ่ายจูล่งแจ้งดังนั้นก็ให้เอาตัวตันเอ๋งเปาหลงไปฆ่าเสีย จึงให้แก้มัดทหารทั้งปวงออกให้เลี้ยงดูแล้วจึงว่าแก่ทหารทั้งห้าร้อยว่า อันตัวตันเอ๋งเปาหลงคิดร้ายต่อเรา ๆ ก็ให้ฆ่าเสียแล้ว แต่ท่านทั้งปวงเปนผู้น้อยขัดมันมิได้จึงมาด้วย เราก็จะไว้ชีวิตให้อยู่เลี้ยงบุตรภรรยาสืบไป ถ้าไม่เปนใจด้วยเรา ๆ ก็จะฆ่าเสียให้สิ้นเชิง เวลาคํ่าวันนี้เราจะยกทัพไปตีเมืองฮุยเอี๋ยง ท่านทั้งปวงจงเปนกองหน้าเข้าไปเรียกให้ชาวเมืองเปิดประตูรับจะได้หรือมิได้ ทหารทั้งนั้นมีความยินดีจึงชวนกันรับว่าจะทำตาม ครั้นเวลากลางคืน จูล่งจึงคุมทหารเข้าไปใกล้เชิงกำแพงเมืองฮุยเอี๋ยง แลเหล่าทหารห้าร้อยจึงร้องเข้าไปว่า บัดนี้ตันเอ๋งกับเปาหลงออกไปจับจูล่งฆ่าเสียได้แล้ว ให้เร่งเปิดประตูรับเราจะเข้าไปแจ้งเนื้อความแก่เตียวหอม

ฝ่ายทหารบนเชิงเทินได้ยินดังนั้นก็จุดคบใส่ปลายไม้ส่องลงมาดู เห็นทหารซึ่งออกไปกับตันเอ๋งเปาหลงก็ไม่มีความสงสัย ก็เอาเนื้อความเข้าไปบอกเตียวหอม เตียวหอมได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีด้วยไม่รู้เท่าจูล่ง จึงพาทหารเปิดประตูออกไป หวังจะรับตันเอ๋งเปาหลง จูล่งเห็นดังนั้นจึงขับม้าเข้าไปจับเอาตัวเตียวหอมได้ให้ทหารมัดไว้ แล้วยกเข้าเมืองประกาศแก่ราษฎรทั้งปวงอย่าให้ตกใจ เรามิได้ทำสิ่งใดให้ได้ความเดือดร้อน ครั้นเวลารุ่งเช้าจูล่งให้แต่งหนังสือบอกไปถึงเล่าปี่ขงเบ้ง เล่าปี่กับขงเบ้งแจ้งในหนังสือก็มีความยินดี จัดแจงทหารแล้วก็ยกไปเมืองฮุยเอี๋ยง จูล่งครั้นรู้ว่าเล่าปี่ยกมาจึงออกไปรับเข้ามาในเมือง แล้วเอาตัวเตียวหอมมาให้เล่าปี่

ขงเบ้งจึงถามว่าเหตุใดให้มัดเตียวหอมไว้ เตียวหอมจึงบอกเนื้อความให้ขงเบ้งฟังทุกประการ ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นจึงให้แก้มัดเตียวหอมเสียแล้วว่าแก่จูล่งว่า เตียวหอมนับถือท่าน จะยกพี่สะใภ้ให้เปนภรรยาท่านนั้นก็ดีอยู่อีก เหตุใดจึงขัดแข็งเล่า จูล่งจึงว่าเตียวหอมกับข้าพเจ้าได้ชักเรื่องชักแถวเปนแซ่เดียวกันแล้ว เตียวหอมจะยกพี่สะใภ้ให้ข้าพเจ้านั้นไม่ควร ด้วยหญิงนั้นเปนหม้ายอยู่ จะมาข่มใจให้มีผัวนั้นผิดไป ประการหนึ่งข้าพเจ้าก็ยังไม่ไว้ใจ ด้วยเตียวหอมนั้นพึ่งรู้จักกัน เกลือกจะทำอุบายประการใด การของท่านซึ่งใช้มาก็จะเสียไป ประการหนึ่งเล่าปี่นายข้าพเจ้าคิดอ่านทำการทั้งปวงหวังจะทำนุบำรุงแผ่นดินก็ ยังไม่สำเร็จก่อน เล่าปี่นั้นก็ยังนอนตาไม่หลับลงเปนปรกติ ซึ่งข้าพเจ้าจะมามีภรรยานั้นไม่ควร เหมือนหนึ่งชิงสุกก่อนห่าม คนทั้งปวงก็จะคระหานินทาได้

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่จูล่งว่า การในเมืองฮุยเอี๋ยงก็สำเร็จแล้ว เราจะยกให้อยู่ด้วยกันตามคำเตียวหอม จูล่งจึงตอบว่า ซึ่งท่านจะให้อยู่ด้วยหญิงหม้ายคนนี้ไม่ควร ประการหนึ่งว่าไร้หญิงสาวแล้วหรือ ประการหนึ่งท่านก็ยังตั้งตัวไม่ได้ ซึ่งจะด่วนให้มีภรรยานั้นข้าพเจ้าไม่ยอม เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญจูล่งว่ามีใจสัตย์ซื่อนัก จึงให้เงินทองเปนบำเหน็จความชอบแก่จูล่งเปนอันมาก แล้วเอาตราสำหรับที่นั้นคืนให้เตียวหอมเปนเจ้าเมืองฮุยเอี๋ยงอยู่ดังเก่า

เตียวหุยเห็นดังนั้นจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า จูล่งได้อาสามีความชอบแล้ว บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอทหารสามพันอาสายกไปตีเมืองบุเหลงจับเอาตัวกิมสวนมาให้ ท่าน จะได้เปนความชอบไว้บ้าง ขงเบ้งจึงว่าแก่เตียวหุยว่าเมื่อจูล่งอาสานั้นก็เขียนหนังสือสัญญาไว้แก่เรา แลท่านจะไปตีเมืองบุเหลงบัดนี้ จงเขียนหนังสือสัญญาให้เราไว้ก่อน เตียวหุยจึงเขียนหนังสือสัญญาให้ขงเบ้งว่า ข้าพเจ้าจะขออาสาไปตีเมืองบุเหลงจับเอาตัวกิมสวนมาให้ได้ แม้ไม่ได้ก็ให้ตัดสีสะเสียเถิด แล้วเตียวหุยก็ลาขงเบ้งคุมทหารสามพันรีบยกไปถึงเมืองบุเหลง ก็ให้ตั้งค่ายมั่นอยู่นอกเมือง

ฝ่ายกิมสวนเจ้าเมืองรู้ว่าเตียวหุยยกมา ก็จัดแจงตระเตรียมทหารให้พร้อมจะยกออกรบ ขงจีที่ปรึกษาจึงว่าแก่กิมสวนว่า ซึ่งท่านจะออกรบกับเตียวหุยนั้นไม่ควร ด้วยเล่าปี่เปนเชื้อวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วก็มีสติปัญญาน้ำใจโอบอ้อมอารีต่ออาณาประชาราษฎรทั้งปวง เตียวหุยซึ่งเปนน้องเล่าปี่ยกมาบัดนี้เล่าก็มีกำลังกล้าหาญนัก เห็นเราจะสู้ไม่ได้ ขอท่านออกไปนบนอบขอออกแก่เตียวหุยเถิดจะได้เปนสุขสืบไป

กิมสวนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่ขงจีว่า ตัวนี้คิดเปนใส้ศึกเข้าด้วยเตียวหุยจึงเจรจาย่อท้อฉนี้ แล้วก็สั่งทหารให้เอาตัวขงจีไปฆ่าเสีย ที่ปรึกษาแลทหารทั้งปวงจึงว่า ท่านจะทำศึกครั้งนี้เปนการใหญ่อยู่ ซึ่งท่านจะฆ่าที่ปรึกษาเสียนั้นไม่ควร ขอให้ยกโทษไว้ก่อน กิมสวนได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วยจึงยกโทษขงจีไว้ แล้วกิมสวนก็จัดแจงทหารยกออกไปไกลเมืองทางสองร้อยเส้น พบกองทัพเตียวหุยยกมาก็หยุดทหารไว้ เตียวหุยขี่ม้าถือทวนออกมายืนอยู่หน้าทหารทั้งปวงแล้วร้องถามว่า ผู้ใดจะออกมาสู้กับเรา กิมสวนได้ฟังดังนั้นจึงถามทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาออกสู้กับเตียวหุยได้บ้าง ทหารทั้งปวงกลัวฝีมือเตียวหุยก็นิ่งอยู่สิ้น กิมสวนเห็นทหารทั้งปวงนิ่งอยู่ดังนั้นก็ขับม้าออกรบกับเตียวหุย ๆ เห็นกิมสวนควบม้าออกมาก็ตวาดด้วยเสียงอันดัง กิมสวนตกใจควบม้าหนีจะเข้าเมือง เตียวหุยก็ยกทหารตามไป ขงจีแลทหารทั้งปวงซึ่งอยู่ในเมืองนั้น เห็นกิมสวนแตกหนีเตียวหุยมาใกล้ถึงเชิงกำแพง ก็ชวนกันเอาเกาทัณฑ์ยิงระดมต้านทานไว้ กิมสวนตกใจแลขึ้นไปเห็นขงจียืนอยู่บนเชิงเทิน ขงจีจึงร้องว่าแก่กิมสวนว่า การครั้งนี้เราก็ได้ห้ามท่านไว้แต่เดิมทีแล้วไม่ฟังเรา บัดนี้ชาวเมืองทั้งปวงก็สมัคเปนใจด้วยเล่าปี่สิ้น ขงจีก็เอาเกาทัณฑ์ยิงลงไปถูกที่หน้าผากกิมสวนตกจากม้า ทหารทั้งปวงเห็นดังนั้น จะใคร่ได้ความชอบก็ตัดเอาสีสะกิมสวนไปให้เตียวหุย

ฝ่ายขงจีก็เปิดประตูเมืองพาทหารออกมาคำนับเตียวหุย ๆ ก็มีความยินดีพาเอาตัวขงจีมาหาเล่าปี่ขงเบ้ง ณ เมืองฮุยเอี๋ยง แล้วเสนอความชอบขงจีเปนอันมาก เล่าปี่ขงเบ้งก็มีความยินดี พากันยกทหารมา ณ เมืองบุเหลง เล่าปี่จึงมอบตราสำหรับที่ให้ขงจีเปนเจ้าเมือง เล่าปี่ขงเบ้งจึงให้ทหารถือหนังสือไปให้กวนอู ณ เมืองเกงจิ๋ว ในหนังสือนั้นเปนใจความว่า เรายกทัพมาตีได้เมืองเลงเหลงแล้ว จูล่งยกไปตีเมืองฮุยเอี๋ยง เตียวหุยไปตีเมืองบุเหลงก็ได้สำเร็จแล้ว ตัวเราแลทหารทั้งปวงก็เปนสุขอยู่หาอันตรายมิได้

กวนอูได้แจ้งดังนั้นจึงตอบหนังสือไปถึงเล่าปี่เปนใจความว่า ข้าพเจ้ากวนอูคำนับมาถึงพี่ ด้วยข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านมีความสุขหาอันตรายไม่ก็มีความยินดีนัก แลเมืองฮุยเอี๋ยงเมืองบุเหลงนั้น จูล่งกับเตียวหุยก็รบได้แล้ว ยังแต่เมืองเตียงสามิได้อ่อนน้อมต่อท่าน ข้าพเจ้าผู้มีสติปัญญาอันน้อยจะขออาสาไปรบเอาให้ได้ ทหารก็ลากวนอูเอาหนังสือนั้นมาให้แก่เล่าปี่ ๆ แจ้งดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้เตียวหุยไปอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋วให้กวนอูมา ณ เมืองบุเหลง

ฝ่ายขงเบ้งจึงแกล้งว่ากับกวนอูว่า เมื่อจูล่งกับเตียวหุยยกไปตีเมืองฮุยเอี๋ยงแลเมืองบุเหลงได้นั้น ก็เอาทหารไปแต่คนละสามพัน แลเมืองเตียงสานั้นเดิมขึ้นแก่เมืองเกงจิ๋ว เล่าเปียวจึงให้เล่าผวนผู้เปนหลานเปนเจ้าเมือง ครั้นเล่าเปียวหาบุญไม่ เมืองเตียงสาไปขึ้นแก่เมืองฮูโต๋ โจโฉตั้งให้ฮันเหียนเปนผู้ใหญ่อยู่รักษาเมือง ฮันเหียนเปนคนหาสติปัญญาไม่ จะทำการสิ่งใดมิได้พิเคราะห์ แล้วข่มเหงให้ราษฎรทั้งปวงได้ความเดือดร้อน ราษฎรชวนกันเอาใจออกหากอยู่สิ้น บัดนี้เกรงอยู่แต่ทหารเอกคนหนึ่งชื่อฮองตงชาวเมืองลำเอี๋ยง อายุได้หกสิบปีมีกำลังกล้าหาญ เดิมเปนทหารเล่าผวน ครั้นเล่าผวนออกจากที่เจ้าเมืองแล้ว ฮองตงจึงสมัคเข้าทำการอยู่ด้วยฮันเหียน แลท่านจะยกไปรบเมืองเตียงสาบัดนี้ จำจะเอาทหารไปให้มากจึงจะได้ เพราะฮองตงมีฝีมืออยู่

กวนอูได้ฟังดังนั้นก็คิดมานะจึงว่าแก่ขงเบ้งว่า ข้าพเจ้าจะกลัวอันใดกับฮองตงซึ่งเปนคนแก่ ข้าพเจ้าจะเอาแต่ทหารในสมัคพัคพวกข้าพเจ้าห้าร้อยยกไปตีเมืองเตียงสา ตัดเอาสีสะฮันเหียนฮองตงมาให้ท่านจงได้ เล่าปี่จึงว่าแก่กวนอูว่า น้องเราอย่าเพ่อดูหมิ่นฮองตงก่อน ถึงแก่ก็จริงแต่มีกำลังกล้าหาญเข้มแข็งนัก ซึ่งเจ้าจะเอาทหารไปแต่ห้าร้อยนั้นพี่ยังไม่ไว้ใจเกลือกจะเสียที

กวนอูได้ฟังดังนั้นครั้นจะเอาทหารไปอีก ก็ผิดคำซึ่งว่าไว้กับขงเบ้ง กวนอูก็ลาเล่าปี่กับขงเบ้งพาทหารยกไปเมืองเตียงสา ครั้นกวนอูไปแล้วขงเบ้งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า กวนอูยกไปครั้งนี้พูดจาดูหมิ่นฮองตงนักเกลือกจะทำการไม่สำเร็จ จำเราจะยกทหารหนุนไปอีก เล่าปี่เห็นชอบด้วย ก็จัดแจงทหารกับขงเบ้งยกตามกวนอูไป

ฝ่ายฮันเหียนเจ้าเมืองเตียงสา ครั้นรู้ว่ากวนอูยกทัพมาจึงปรึกษากับฮองตงว่า ท่านจะคิดอ่านป้องกันประการใด ฮองตงจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย จะกลัวอันใดกับกวนอู ถึงมาทว่าจะยกทหารมาสักพันหนึ่งก็จะตายด้วยเกาทัณฑ์แลง้าวของข้าพเจ้า เอียวเหลงนายทหารจึงว่าแก่ฮันเหียนว่า ซึ่งจะไปรบกับกวนอูนั้นอย่าเพ่อให้ร้อนถึงฮองตงก่อนเลย ข้าพเจ้าจะอาสาไปจับกวนอูมาให้ได้ ฮันเหียนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงเกณฑ์ทหารให้พันหนึ่ง เอียวเหลงก็ลาฮันเหียนยกทหารออกจากเมืองทางห้าร้อยเส้น พอกวนอูยกมาถึงเอียวเหลงก็ขับม้าออกหน้าทหาร กวนอูเห็นดังนั้นก็ควบม้าเข้ารบกับเอียวเหลงได้สามเพลง กวนอูเอาง้าวฟันถูกเอียวเหลงตกม้าตาย แล้วก็ไล่ฆ่าฟันทหารเอียวเหลงไปจนเชิงกำแพง ฮันเหียนเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงให้ฮองตงคุมทหารห้าร้อย ยกออกไปรบกับกวนอู ๆ เห็นฮองตงขี่ม้าคุมทหารออกมา จึงร้องถามว่าท่านนี้ชื่อฮองตงแลหรือ ฮองตงจึงตอบว่าท่านรู้จักชื่อเราแล้วเหตุใดจึงบังอาจมาสู้รบกับเรา หากลัวความตายไม่หรือ กวนอูจึงตอบว่า เรายกมาประสงค์จะเอาสีสะท่าน ฮองตงได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ขับม้าเข้ารบกับกวนอูได้ร้อยเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน ฮันเหียนยืนดูบนเชิงเทินเห็นฮองตงรบกับกวนอูนานนัก คิดเกรงอยู่ว่าฮองตงชรากำลังน้อยจะเสียทีแก่กวนอู จึงตีม้าฬ่อเรียกฮองตงให้ยกทหารกลับเข้าเมือง

ฝ่ายกวนอูก็ยกทหารกลับเข้าค่ายแล้วคิดว่า เวลาวันนี้เรารบกับฮองตงถึงร้อยเพลงก็ยังมิแพ้ชนะกัน เวลาพรุ่งนี้เราจะทำกลอุบายลวงฮองตงเอาชัยชนะให้จงได้ ครั้นเวลาเช้ากวนอูคุมทหารเข้าไปถึงเชิงกำแพงแล้วร้องเรียกฮองตง ฮันเหียนเห็นดังนั้นก็ให้ฮองตงยกทหารออกรบกับกวนอูได้ห้าสิบเพลง กวนอูแกล้งทำเปนแพ้ชักม้าหนี ฮองตงก็ไล่ตามไป ม้านั้นพลาดฮองตงตกจากม้าล้มลงอาวุธพลัดจากมือ กวนอูเหลียวมาเงื้อง้าวขึ้นจะฟัน แล้วได้คิดว่าเราได้ออกปากไว้ว่า ผู้ใดไม่มีอาวุธอยู่กับมือเราจะไม่ทำอันตราย บัดนี้ฮองตงล้มลงแล้วอาวุธพลัดมือไป ครั้นเราจะฆ่าเสียก็ไม่ควร กวนอูจึงว่าแก่ฮองตงว่า ครั้งนี้เราไว้ชีวิตท่าน ๆ จงกลับเข้าเมืองเถิด เอาม้าตัวอื่นขี่ออกมาสู้กับเราใหม่

ฮองตงได้ฟังดังนั้นก็ขึ้นม้าพาทหารกลับเข้าเมือง ฮันเหียนจึงถามฮองตงว่าเหตุใดท่านจึงตกม้า ฮองตงจึงบอกว่า ม้าตัวนี้มิได้ขี่ออกทำศึกนานแล้วจึงพลาดล้มลง ฮันเหียนจึงว่า ท่านก็มีฝีมือเข้มแขงแม่นเกาทัณฑ์หาผู้เสมอมิได้ เหตุใดท่านจึงไม่เอาเกาทัณฑ์ยิงกวนอู ฮองตงจึงว่า เวลาวันนี้รบพุ่งติดพันกันอยู่ ครั้นจะยิงเกาทัณฑ์ก็ไม่ทันที เวลาพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะทำเปนแพ้ลวงกวนอูให้ไล่มาถึงเชิงกำแพงเมือง แล้วจึงจะเอาเกาทัณฑ์ยิงกวนอูให้ได้

ฮันเหียนจึงเอาม้าซึ่งขี่นั้นให้ฮองตง ฮองตงก็ลาฮันเหียนไปที่อยู่แล้วจึงคิดว่า เขาลือมาว่ากวนอูมีความสัตย์ก็พึ่งเห็นประจักษ์ครั้งนี้ กวนอูไว้ชีวิตเรามีคุณต่อเราเปนอันมาก เวลาพรุ่งนี้เราจะเอาเกาทัณฑ์ยิงกวนอูให้ตายเสียนั้นหาควรไม่ ครั้นจะไม่ยิงเล่าฮันเหียนก็จะลงโทษแก่เรา ฮองตงคิดวิตกดังนี้จนเวลารุ่งเช้า ทหารเอาเนื้อความมาบอกว่า กวนอูขึ้นม้ามายืนคอยจะรบอยู่ใกล้เชิงกำแพง ฮองตงได้ฟังดังนั้นก็ขึ้นม้าคุมทหารออกจากเมือง

ฝ่ายกวนอูคิดประมาทหมายจะเอาชัยชนะให้ได้ ครั้นเห็นฮองตงยกออกมาก็ขับม้าเข้ารบได้สามสิบเพลง ฮองตงทำเปนแพ้ชักม้าหนี กวนอูควบม้าไล่ตามไป ฮองตงจึงเหลียวหลังมาเอาแต่คันเกาทัณฑ์น้าวสายมิได้ใส่ลูกยิงกวนอูสองครั้ง กวนอูคอยจะหลบก็ไม่เห็นลูกเกาทัณฑ์ก็มีใจกำเริบ จึงควบม้าไล่ขยิกเคียงตามไป ฮองตงหนีไปถึงเชิงกำแพงเห็นกวนอูไล่ใกล้เข้ามา จึงเอาเกาทัณฑ์ใส่ลูกยิงไปให้ถูกแต่พู่หมวกกวนอู ๆ ตกใจควบม้ากลับมาค่าย ฮองตงกลับเข้าเมือง กวนอูจึงคิดว่าเขาลือว่าฮองตงแม่นเกาทัณฑ์ก็จริงอยู่ เวลาวันนี้ฮองตงคิดถึงคุณเราซึ่งไว้ชีวิตไม่ฆ่าเสีย จึงยิงเกาทัณฑ์ให้ถูกแต่พู่หมวกเรา

ฝ่ายฮันเหียนเมื่อฮองตงกับกวนอูรบกันนั้นยืนดูบนเชิงเทิน เห็นฮองตงยิงเกาทัณฑ์มิได้ใส่ลูกก็โกรธ ครั้นฮองตงกลับเข้ามา ก็สั่งทหารให้จับเอาตัวฮองตงไปฆ่าเสีย ฮองตงจึงว่าจะให้ฆ่าข้าพเจ้าเสียนี้ด้วยผิดสิ่งใด ฮันเหียนจึงว่า เมื่อแรกกวนอูยกมาตัวรับอาสาว่าจะเอาชัยชนะให้ได้ เราแกล้งดูตัวทำศึกกับกวนอูมาถึงสามวันแล้วก็หาแพ้ชนะกันไม่ เวลาวานนี้แกล้งทำให้เสียทีแก่กวนอูแตกพ่ายมาครั้งหนึ่งแล้ว เราก็มิได้เอาโทษ มาวันนี้ยิงเกาทัณฑ์มิได้ใส่ลูก ครั้นภายหลังยิงให้ถูกแต่พู่หมวก ตัวคบคิดกับกวนอูมิได้มีใจเจ็บร้อนทำการด้วยเรา แม้จะไม่ฆ่าเสียบัดนี้คนทั้งปวงก็จะดูเยี่ยงอย่างกันต่อไป ทหารแลที่ปรึกษาทั้งปวงก็คิดอ่านจะขอโทษฮองตง ฮันเหียนจึงว่ากันไว้หวังจะมิให้ผู้ใดขอโทษ ว่าฮองตงกระทำความผิดโทษถึงสิ้นชีวิตเราจะฆ่าเสีย ถ้าผู้ใดขอโทษก็จะเอาโทษผู้นั้นเสมอด้วยฮองตง ว่าแล้วก็เร่งทหารให้เอาตัวฮองตงไปฆ่าเสีย ทหารก็จับเอาตัวฮองตงไป

ขณะนั้นอุยเอี๋ยนชาวเมืองงีเอี๋ยง เมื่อเล่าปี่ไปรบเมืองซงหยงนั้น อุยเอี๋ยนจะไปอยู่กับเล่าปี่ก็ไม่พบ จึงมาทำการอยู่ด้วยฮันเหียน ๆ หารู้จักคนมีฝีมือแลหาฝีมือไม่ ก็มิได้ชุบเลี้ยงอุยเอี๋ยน แต่ใช้เปนทหารเลวอยู่ ครั้นอุยเอี๋ยนรู้ว่าฮันเหียนให้ทหารเอาตัวฮองตงนายทหารเอกไปจะฆ่าเสียดัง นั้น ก็วิ่งตามไปจับทหารนั้นฆ่าเสียชิงเอาตัวฮองตงมาได้ แล้วร้องประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงว่า ฮองตงนี้เปนหลักเมืองเตียงสา ฮันเหียนจะให้ฆ่าฮองตงเสียก็เหมือนฆ่าราษฎรทั้งปวงเสียเราจึงชิงไว้ บัดนี้เราจะคิดอ่านฆ่าฮันเหียนเสีย ผู้ใดจะเข้าด้วยเราบ้าง

ฝ่ายชาวเมืองทั้งปวงมีใจเจ็บแค้นชังฮันเหียนอยู่แล้ว ก็สมัคเข้าด้วยอุยเอี๋ยนเปนอันมากจะไปทำอันตรายฮันเหียน ฮองตงจะห้ามปรามสักเท่าใดอุยเอี๋ยนก็ไม่ฟัง พาเอาชาวเมืองทั้งปวงบุกรุกขึ้นไปบนเชิงเทิน เห็นฮันเหียนนั่งอยู่ อุยเอี๋ยนก็วิ่งเข้าไปเอาดาบฟันฮันเหียนตัวขาดเปนสองท่อน แล้วก็ตัดเอาสีสะขึ้นม้าพาทหารทั้งปวงออกไปหากวนอู ณ ค่าย กวนอูมีความยินดีจึงยกทหารเข้าตั้งอยู่ในเมืองเตียงสา แล้วให้ทหารไปเชิญฮองตง ๆ เห็นว่ากวนอูมิได้นับถือ ให้แต่ทหารไปเชิญตัวดังนั้นก็บอกป่วยเสียมิได้มา กวนอูจึงแต่งหนังสือตามซึ่งได้ทำการทั้งปวง แลได้อุยเอี๋ยนกับฮองตงนั้นแจ้งไปยังเล่าปี่ขงเบ้ง

ฝ่ายเล่าปี่ขงเบ้งยกตามกันมาถึงกลางทาง เห็นธงเขียวสำหรับเรียกทหารซึ่งแห่หน้าเล่าปี่นั้นกลับม้วนเข้ากับคัน แล้วมีกาตัวหนึ่งบินมาแต่ทิศใต้ร้องเปนสองเสียงแล้วก็บินไปทิศเหนือ เล่าปี่เห็นอัศจรรย์ประหลาทจึงถามขงเบ้งว่า ซึ่งบังเกิดดังนี้กวนอูไปตีเมืองเตียงสาจะได้หรือมิได้ประการใด ขงเบ้งจับยามดูก็รู้แจ้งจึงบอกว่า บัดนี้กวนอูได้เมืองเตียงสาแล้ว ได้ทหารเอกด้วย เวลาบ่ายวันนี้จะรู้ข่าว

ครั้นเวลาบ่ายทหารซึ่งกวนอูให้ถือหนังสือไปถึง ก็เข้าไปหาเล่าปี่แจ้งเนื้อความทั้งปวง แล้วเอาหนังสือนั้นส่งให้เล่าปี่ ๆ แจ้งในหนังสือก็มีความยินดี พาขงเบ้งรีบยกทหารไปถึงเมืองเตียงสา กวนอูก็ออกมารับแล้วเชิญเล่าปี่ขงเบ้งเข้าไปในเมือง จึงเล่าเนื้อความซึ่งได้รบกับฮองตงให้เล่าปี่ฟังทุกประการแล้วบอกว่า บัดนี้ข้าพเจ้าให้ทหารไปเชิญตัวฮองตง ๆ ก็บอกป่วยเสียมิได้มา

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็คิดว่าฮองตงเปนผู้ใหญ่มีทิฏฐิมานะอยู่ กวนอูให้ทหารไปหาตัวจึงมิได้มา จำเราจะไปเองจึงจะควร แล้วเล่าปี่ก็ไปหาฮองตง ณ บ้าน ฮองตงเห็นเล่าปี่มาก็มีความยินดี ออกมาคำนับเล่าปี่นอกบ้าน เล่าปี่ก็พูดจาเกลี้ยกล่อมฮองตง ๆ ก็สมัคยอมเปนทหารอยู่ด้วย แล้วเล่าปี่ก็พาฮองตงมาที่อยู่

ฮองตงอ้อนวอนเล่าปี่ขอเอาศพฮันเหียนไปฝังไว้นอกเมืองทิศตวันออก เล่าปี่ก็ยอมให้ กวนอูจึงพาอุยเอี๋ยนเข้าไปคำนับเล่าปี่ขงเบ้งแล้วเล่าความชอบให้ฟัง ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็สั่งทหารให้เอาตัวอุยเอี๋ยนไปฆ่าเสีย เล่าปี่ตกใจจึงถามว่า อุยเอี๋ยนคิดอ่านฆ่าฮันเหียนเสียก็มีความชอบต่อเราอีก แลท่านจะให้ฆ่าเสียนั้นด้วยความผิดสิ่งใด ขงเบ้งจึงว่า ผู้ใดกินเข้าแดงท่านแลฆ่าท่านผู้มีคุณเสีย ผู้นั้นเปนคนหากตัญญูไม่ ผู้ใดอาศรัยอยู่ในแผ่นดินของท่านแล้วคิดยกเอาแผ่นดินไปให้ผู้อื่นเสีย ผู้นั้นเปนคนหาความสัตย์ไม่ อุยเอี๋ยนนี้มิได้มีความสัตย์แลกตัญญู ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ควร อนึ่งข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูในลักษณะอุยเอี๋ยนนั้นเห็นหาตรงต่อผู้มีคุณไม่ ถึงมาทว่าเราจะเลี้ยงไว้นานไปก็จะทรยศเปนมั่นคง เล่าปี่จึงว่าท่านว่านี้ก็ชอบอยู่ แต่จะฆ่าอุยเอี๋ยนเสียนั้นเรายังจะทำการศึกสืบไปเมื่อหน้า ผู้ซึ่งจะมาสมัคทำความชอบอยู่ด้วยก็จะเสียใจ ท่านจงงดโทษอุยเอี๋ยนไว้สักครั้งหนึ่งก่อน

ขงเบ้งได้ฟังก็เห็นชอบด้วย จึงชี้มือว่าแก่อุยเอี๋ยนว่า ครั้งนี้เราจะยกโทษตัวครั้งหนึ่ง ตั้งแต่นี้ต่อไปเมื่อหน้าตัวอย่าได้คิดอ่านทรยศต่อท่านผู้มีคุณสืบไป แม้ไม่ฟังคำเราจะตัดสีสะตัวเสีย อุยเอี๋ยนก็รับคำขงเบ้งแล้วคำนับลาไปที่อยู่ ฮองตงจงมาหาเล่าปี่แล้วบอกว่า บัดนี้เล่าผวนหลานเล่าเปียวยังอยู่ในเมืองนี้ ขอให้หามาตั้งเปนเจ้าเมืองจึงจะสมควร ด้วยเล่าผวนเปนเชื้อสายอยู่ในท่าน เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้ทหารไปเอาตัวเล่าผวนมาตั้งให้เปนใหญ่ควบคุมทหารอยู่รักษาเมือง

ฝ่ายเล่าปี่ปราบปรามหัวเมืองสี่ตำบลสำเร็จแล้ว ได้ทหารแลที่ปรึกษาเปนอันมาก ก็พาขงเบ้งกวนอูจูล่งยกทหารกลับมาเมืองเกงจิ๋ว จึงเปลี่ยนชื่ออ่าวอิวกังปากนํ้าเมืองเกงจิ๋ว ชื่อว่าอ่าวกังอั๋น เล่าปี่ซ่องสุมสเบียงอาหารเบี้ยหวัดสำหรับแจกขุนนางแลทหารไว้เปนอันมาก แล้วจัดแจงให้ทหารที่มีฝีมือไปตั้งตรวจตะเวนรักษาปากน้ำแลด่านทุกตำบล

Download

กรุณาแสดงความคิดเห็น

ชื่อ

กวนอู,67,การ์ตูน,19,การเมือง,77,กิจกรรม,18,เกม,160,ขงเบ้ง,94,ของสะสม,40,ข่าวสาร,118,คำคมสามก๊ก,77,จิวยี่,5,จูล่ง,21,โจโฉ,66,ซุนกวน,7,เตียวหุย,11,เนื้อหาสามก๊ก,5,บทความ,353,บุคคลภาษิตในสามก๊ก,12,แบบเรียน,8,ปรัชญา,45,เพลง,41,ภาพยนตร์,53,รูปภาพ,67,ลิโป้,9,เล่าปี่,18,วิดีโอ,66,วิธีคิดวิธีทำงาน,13,เว็บไซต์,14,สถานที่,21,สามก๊ก12,14,สามก๊ก13,32,สามก๊ก14,3,สามก๊ก2010,95,สามก๊ก8,1,สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน),87,สุมาอี้,15,หงสาจอมราชันย์,13,หนังสือ,173,อาวุธ,7,แอป,43,Dynasty Warriors,57,E-book,87,
ltr
item
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy: สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 44
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5ulZ1RSdd2swnaR5oTtMEAXkPqy7ICKLEAze1YsLlUmz1Lnys4i2k4nf0vktfa4ecQcM2mTtXcpiwFSW-VAgeBQtH8_VinOV1CIiIWEux_n076HY-bCWEFrVJ4bH7l19g5oci3rpC0aac/s640/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588-%25E0%25B9%2594%25E0%25B9%2594.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh5ulZ1RSdd2swnaR5oTtMEAXkPqy7ICKLEAze1YsLlUmz1Lnys4i2k4nf0vktfa4ecQcM2mTtXcpiwFSW-VAgeBQtH8_VinOV1CIiIWEux_n076HY-bCWEFrVJ4bH7l19g5oci3rpC0aac/s72-c/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588-%25E0%25B9%2594%25E0%25B9%2594.jpg
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy
https://www.samkok911.com/2017/02/samkok-ebook-44.html
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/2017/02/samkok-ebook-44.html
true
4216477688648787518
UTF-8
โหลดเนื้อหาทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ดูทั้งหมด อ่านเพิ่ม ตอบ ยกเลิกการตอบ ลบ โดย หน้าแรก หน้า โพสต์ ดูทั้งหมด เรื่องแนะนำสำหรับคุณ หมวดหมู่บทความ เนื้อหาในช่วงเวลา ค้นหา บทความทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่คุณต้องการ กลับหน้าแรก Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat January February March April May June July August September October November December Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec just now 1 minute ago $$1$$ minutes ago 1 hour ago $$1$$ hours ago Yesterday $$1$$ days ago $$1$$ weeks ago more than 5 weeks ago Followers Follow THIS PREMIUM CONTENT IS LOCKED STEP 1: Share to a social network STEP 2: Click the link on your social network Copy All Code Select All Code All codes were copied to your clipboard Can not copy the codes / texts, please press [CTRL]+[C] (or CMD+C with Mac) to copy สารบัญ