Loading ...

$show=home

จุดเริ่มต้นของการศึกษาสามก๊ก

แหล่งศึกษาเรียนรู้ ทุกเรื่องราวของวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลก

สามก๊กวิทยา : THREE KINGDOMS ACADEMY

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักร
"สามก๊กวิทยา"
THREE KINGDOMS ACADEMY

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85

eBook สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85

สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85

เนื้อหา

• ฮุยโฮขันทียุพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เรียกเกียงอุยกลับ 
• เกียงอุยลาไปตั้งอยู่ตำบลหลงเส 
• พระเจ้าเล่าเสี้ยนปรึกษาขันทีเรื่องข่าวศึก 
• เกียงอุยไปตั้งอยู่ด่านเกียมโก๊ะ


ฝ่าย พระเจ้าเล่าเสี้ยนอยู่ ณ เมืองเสฉวนนั้น เชื่อฟังถ้อยคำฮุยโฮซึ่งเปนขันทีผู้ใหญ่นั้น เสพย์สุราทุกวันมิได้ขาด หลงด้วยนางนักสนมกรมใน มิได้นำพาที่จะออกว่าราชการบ้านเมือง บันดาขุนนางที่มีสติปัญญาเคยทำราชการมาด้วยแต่ก่อนนั้น ก็ชวนกันเสียใจต่างคนต่างก็เอาตัวออกหาก มีแต่คนใหม่ ๆ ซึ่งประสมประสานฮุยโฮได้นั้นก็เข้ามาเปนที่ขุนนางอยู่เปนอันมาก

ฝ่ายเงียมอูคนหนึ่งเปนขุนนางผู้ใหญ่ ซึ่งเปนที่ชอบใจฮุยโฮนั้นจึงคิดว่า เรามาเปนขุนนางใหม่ยังหามีความชอบไม่ จงว่าแก่ฮุยโฮว่า ครั้งนี้ท่านเอ็นดูข้าพเจ้าช่วยทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้ตั้งข้าพเจ้าไปเปน แม่ทัพแทนเกียงอุยเถิด ข้าพเจ้าจะให้ทรัพย์แก่ท่านตามสมควร ฮุยโฮได้ยินดังนั้นก็รับคำ จึงเข้าไปทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า แต่เกียงอุยอาสาไปทำการศึกก็หลายครั้งอยู่แล้วหาได้ชัยชนะไม่ ขอพระองค์จงให้หากลับมาเสียเถิด จงตั้งเงียมอูออกไปเปนที่แม่ทัพแทนเห็นจะทำการศึกมีชัยชนะได้ พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงให้มีหนังสือไปหาตัวเกียงอุย

ฝ่ายเกียงอุยตั้งประชิดอยู่ ณ เขากิสานนั้น แต่มีหนังสือรับสั่งให้เลิกทัพกลับไปถึงสามครั้งแล้ว ขัดมิได้ก็พาทหารทั้งปวงยกกลับมาตามรับสั่ง ครั้นเวลารุ่งเช้าทหารกองตะเวนจึงไปบอกแก่เตงงายว่า บัดนี้เกียงอุยทิ้งค่ายเสียหนีไปแล้ว เตงงายได้ฟังดังนั้นคิดว่าเปนกลอุบายก็มิได้ยกทัพติดตามมา ฝ่ายเกียงอุยยกทัพมาถึงเมืองฮันต๋งแล้ว จึงให้ทหารทั้งปวงยับยั้งอยู่ เกียงอุยก็ไปเมืองเสฉวน

ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนครั้นรู้ว่าเกียงอุยมาถึงแล้ว ก็มิได้เสด็จออกว่าราชการถึงเก้าสิบวัน เกียงอุยเห็นพระเจ้าเล่าเสี้ยนไม่เสด็จออกดังนั้น ก็คิดสงสัยใจนัก ครั้นวันหนึ่งมาพบขับเจ้งเข้าจึงถามว่า เราไปทำการศึกอยู่พระเจ้าเล่าเสี้ยนให้หาเราดังนี้ ท่านรู้เห็นหนักเบาเปนประการใด ขับเจ้งจึงตอบว่า บัดนี้ฮุยโฮซึ่งเปนขันทีกราบทูลยุยงพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้หาท่านเข้ามา หวังจะให้เงียมอูออกไปเปนแม่ทัพแทนท่าน เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธนัก จึงว่าเราจะคิดอ่านฆ่าฮุยโฮเสียให้ได้ ขับเจ้งจึงห้ามว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนตั้งท่านให้เปนถึงแม่ทัพผู้ใหญ่ ซึ่งท่านจะมาทำใจเบาฆ่าฮุยโฮเสียดังนั้น ถ้าแลพระเจ้าเล่าเสี้ยนรู้ก็จะทรงพระโกรธลงอาญาแก่ท่าน ๆ ก็จะได้รับความอัปยศแก่ข้าราชการทั้งปวง

เกียงอุยจึงว่า ท่านทัดทานเราทั้งนี้ชอบอยู่ เราขอบใจท่านนัก แล้วต่างคนต่างก็ลาไป ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเกียงอุยรู้ว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนเสพย์สุรากับฮุยโฮที่ ตำหนักในสวน จึงพาทหารสิบคนเข้าไปหวังจะจับเอาตัวฮุยโฮ ๆ ครั้นเห็นเกียงอุยพาทหารเดิรเข้ามาแต่ไกลดังนั้นก็คิดกลัว หลีกไปแอบอยู่ข้างเขาซึ่งทำไว้ในสวน เกียงอุยครั้นเข้าไปถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงคำนับแล้วร้องไห้ทูลว่า ครั้งนี้ข้าพเจ้าไปทำการศึกอยู่เขากิสานก็จวนจะได้ชัยชนะแก่ข้าศึกอยู่แล้ว เปนไฉนพระองค์จึงให้หาข้าพเจ้ากลับมานี้มีเหตุประการใด พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่มิได้ตอบคำ เกียงอุยจึงทูลว่า พระองค์มาเชื่อฟังถ้อยคำฮุยโฮ ๆ คิดการทะนงใจนัก เห็นจะเหมือนครั้งพระเจ้าเลนเต้เมื่อมีขันทีสิบคนนั้น ขอพระองค์จงเร่งกำจัดอ้ายฮุยโฮเสียเถิด เมืองเสฉวนก็จะอยู่เย็นเปนสุข แลซึ่งเมืองวุยก๊กนั้นก็จะได้โดยง่าย

พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงว่า อ้ายฮุยโฮนี้เปนแต่ขันทีเราใช้อยู่ข้างใน ท่านว่ามันทะนงใจนี้เราไม่เห็นด้วย ท่านจำไม่ได้หรือเมื่อครั้งตังอุ๋นมีความริษยากล่าวโทษมันนั้นเราก็คิดขัดใจ อยู่ บัดนี้ท่านมาว่าอีกเล่า เราหาเชื่อฟังท่านไม่ เกียงอุยได้ฟังก็น้อยใจ กราบลงจนหน้ากระทบลงกับแผ่นดินแล้วจึงทูลว่า ซึ่งพระองค์ไม่ฟังข้าพเจ้าแล้วก็แล้วไปเถิด แต่เห็นว่าอันตรายจะพลันถึงพระองค์เปนมั่นคง พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงว่า ประเพณีคนทั้งปวงนี้ถ้ารักแล้วก็สรรเสริญว่าดี ถ้าแลชังกันแล้วก็ว่าชั่ว แลซึ่งท่านมาคิดอิจฉาอ้ายฮุยโฮนี้จะปราถนาสิ่งใด จึงกวักมือเรียกฮุยโฮมาคำนับเกียงอุย

ฝ่ายฮุยโฮก็เข้าไปคำนับเกียงอุยแล้วร้องไห้ ว่าอันตัวข้าพเจ้านี้ก็เปนแต่คนใช้ข้างใน หาได้องอาจล่วงไปว่ากล่าวราชการไม่ ขอท่านอย่าได้เชื่อฟังคำคนยุยงเลย อันชีวิตข้าพเจ้านี้ก็จะฝากไว้แก่ท่าน ว่าแล้วก็ซบหน้าลงร้องไห้อยู่กับที่ เกียงอุยครั้นเห็นฮุยโฮร้องไห้ว่ากล่าวดังนั้นก็หายโกรธ จึงคำนับลาพระเจ้าเล่าเสี้ยนออกมา ไปเล่าให้ขับเจ้งฟังตามถ้อยคำพระเจ้าเล่าเสี้ยนว่าทุกประการ

ขับเจ้งจึงว่า แต่แรกเราได้ทัดทานแล้ว มิฟังคำเราจึงเปนเหตุทั้งนี้ เราเห็นว่าตัวท่านจะไม่พ้นอันตรายเปนมั่นคง ท่านจงเร่งผ่อนผันระวังตัวเถิด เกียงอุยก็ตกใจจึงว่าท่านห้ามเรา ๆ มิฟังท่านนี้ก็ผิดอยู่แล้ว ท่านจะช่วยเราคิดประการใดจึงจะพ้นภัยเล่า ขับเจ้งจึงว่า ซึ่งท่านอยู่ในเมืองเสฉวนนี้เห็นจะไม่พ้นภัย ท่านจงทูลลาไปตั้งอยู่ตำบลหลงเสเถิดเห็นจะพ้นอันตราย ถ้าแลถึงระดูเข้าโภชน์สาลีออกรวง ก็จะได้เปนกำลังแก่ทหารทั้งปวง อนึ่งก็จะได้ทำการกับเมืองวุยก๊กท่านก็จะมีอาญาสิทธิ์เปนใหญ่ เห็นจะกันอันตรายได้ เกียงอุยจึงว่าท่านว่านี้มีคุณหนักหนา ควรที่จะจารึกไว้กับแผ่นทอง ว่าดังนั้นแล้วก็ลาขับเจ้งไป ครั้นเวลาเช้าเกียงอุยจึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเล่าเสี้ยนแล้วทูลว่า แต่ข้าพเจ้าทำการศึกมาก็นานอยู่แล้ว ทหารทั้งปวงก็อิดโรย บัดนี้ข้าพเจ้าจะลาพระองค์ออกไปตั้งอยู่ตำบลหลงเสจะได้ทำไร่เปนสเบียงแก่ ทหาร แล้วก็จะได้ฝึกสอนกันให้ชำนาญจะได้คิดทำการต่อไป พระเจ้าเล่าเสี้ยนก็เห็นชอบด้วย จึงอนุญาตว่าตามแต่ความคิดท่านเถิด

เกียงอุยรับสั่งแล้วก็ลาไปเมืองฮันต๋ง จึงให้หาขุนนางทหารมาพร้อมกันแล้วว่า บัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนโปรดให้เรายกไปตั้งอยู่ตำบลหลงเส ให้ทำไร่นาฝึกสอนทหารให้ชำนาญ จงตระเตรียมตัวให้พร้อมกันแล้วเราจะยกไป ครั้นบอกทหารทั้งปวงแล้ว จึงให้เอาเจ้ไปอยู่รักษาเมืองเซียวเส ให้องเสียไปอยู่รักษาเมืองก๊กเสีย เจียวปีนไปอยู่รักษาเมืองฮั่นเสีย แล้วให้เอียวสีกับอุเยียมคุมทหารไปเปนกองตะเวนด่านทางทุกตำบล ส่วนตัวเกียงอุยนั้นก็พาทหารแปดหมื่นยกไปตำบลหลงเส

ฝ่ายเตงงายซึ่งตั้งอยู่ ณ เขากิสานนั้น รู้ว่าเกียงอุยยกทัพกลับมาตั้งค่ายอยู่ตำบลหลงเสสิบสี่ค่าย จึงใช้ให้ทหารเขียนเปนแผนที่ซึ่งเกียงอุยตั้งค่ายตำบลหลงเสนั้นให้เร่งเอาไป ให้สุมาเจียว ฝ่ายสุมาเจียวครั้นเห็นแผนที่ก็มีความโกรธนักจึงว่า อ้ายเกียงอุยคนนี้เคยยกมาทำการศึกแก่เราเนือง ๆ ครั้งนี้เราจะคิดกำจัดมันเสียให้ได้

ขณะนั้นฝ่ายซุนโจยจึงว่า อันเมืองเสฉวนทุกวันนี้ พระเจ้าเล่าเสี้ยนมีใจหลงรักผู้หญิงแลเสพย์สุรามิได้ขาด เชื่อถือถ้อยคำอ้ายฮุยโฮซึ่งเปนขันทีคนหนึ่ง บัดนี้ขุนนางซึ่งมีสติปัญญาในเมืองเสฉวนนั้นมีความน้อยใจต่างคนต่างเอาตัว ออกหาก ซึ่งเกียงอุยมาตั้งค่ายอยู่ตำบลหลงเสก็หวังจะให้พ้นอันตราย ขอท่านจงเร่งให้ยกทหารไปตีเอาเมืองเสฉวนเถิดเห็นจะได้โดยง่าย สุมาเจียวก็ดีใจหัวเราะแล้วจึงว่า ซึ่งท่านคิดเราก็เห็นชอบด้วย อันน้ำใจเราคิดจะไปตีเอาเมืองเสฉวนช้านานอยู่แล้ว แลบัดนี้ท่านจะเห็นผู้ใดเปนแม่ทัพคุมทหารไปตีเมืองเสฉวนได้ ซุนโจยจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นเตงงายประกอบด้วยความคิดมาก ขอท่านจงตั้งเตงงายเปนปลัดทัพ ตั้งจงโฮยให้เปนแม่ทัพยกไป เห็นจะตีเมืองเสฉวนได้

สุมาเจียวได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ จึงเรียกจงโฮยเข้ามาว่า เราจะให้ท่านเปนแม่ทัพคุมทหารไปตีเมืองกังตั๋งเห็นจะได้หรือมิได้ จงโฮยจึงว่าข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าท่านแกล้งว่า จะให้ข้าพเจ้าไปตีเมืองกังตั๋งนั้นหาจริงไม่ ท่านจะให้ข้าพเจ้าไปตีเมืองเสฉวนดอก สุมาเจียวได้ฟังดังนั้นจึงหัวเราะแล้วว่าท่านนี้ล่วงรู้ในใจเรา บัดนี้เราจะให้ท่านยกไปตีเอาเมืองเสฉวน ท่านจะคิดทำประการใดจึงจะเอาเมืองเสฉวนได้ จงโฮยจึงว่า ซึ่งจะคิดเอาเมืองเสฉวนนั้นข้าพเจ้ารู้ท่าทางอยู่เห็นจะได้ง่าย ว่าดังนั้นแล้วจึงเอาแผนที่เมืองเสฉวนออกให้สุมาเจียวดู สุมาเจียวเห็นดังนั้นจึงว่า อันความคิดท่านนี้ควรจะเปนนายทหารผู้ใหญ่ได้ จงยกกองทัพไปบัญจบกับเตงงายตีเอาเมืองเสฉวนเถิด จงโฮยจึงว่า ซึ่งเมืองเสฉวนนั้นเปนเมืองใหญ่ จะยกกองทัพไปแต่ทางเดียวนี้เห็นไม่ได้ จำจะแยกกองทัพไปให้หลายทางจึงจะทำการเมืองเสฉวนได้

สุมาเจียวก็ตั้งจงโฮยให้เปนที่เจงไสจงกุ๋น แปลคำไทยชื่อว่าพระยาปราบทิศตวันตก จึงให้ทหารหกหัวเมืองนั้นไปด้วยจงโฮย แล้วเขียนหนังสือฉบับหนึ่งให้ไปถึงเตงงาย ให้เปนที่เจงไสจงกุ๋นเหมือนกันกับจงโฮย แลให้เกณฑ์ทหารเมืองหลงเสมาบัญจบกองทัพจงโฮยตีเมืองเสฉวนให้ได้ ครั้นจงโฮยรับตราตั้งแล้วก็คำนับลาสุมาเจียวออกมา จึงสั่งให้ทหารหกหัวเมืองไปพร้อมกัน ณ เมืองเกงจิ๋วแลเมืองลับจิ๋วซึ่งอยู่ชาย ทเลนั้นให้เร่งต่อเรือรบรอไว้ให้กิตติศัพท์ลือว่าจะไปตีเมืองกังตั๋ง

ฝ่ายสุมาเจียวครั้นรู้ว่าจงโฮยให้ทหารไปตั้งต่อเรือรบอยู่ชายทเลดังนั้น จึงให้หาตัวจงโฮยเข้ามาว่า เราสิจะยกไปตีเมืองเสฉวนก็เปนทางบก บัดนี้เหตุใดท่านจึงให้ทหารต่อเรือรบเล่า จงโฮยจึงตอบว่า ซึ่งจะไปตีเมืองเสฉวนครั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าเมืองกังตั๋งจะยกกองทัพมาช่วย ข้าพเจ้าจึงคิดอ่านต่อเรือรบหวังจะให้กิตติศัพท์ลือไปถึงเมืองกังตั๋งว่าเรา จะยกมารบ ชาวเมืองกังตั๋งก็จะตระเตรียมระวังตัวหาไปช่วยเมืองเสฉวนไม่ เราจะยกไปตีเมืองเสฉวนก็จะได้ง่าย ครั้นได้เมืองเสฉวนแล้ว ข้าพเจ้าจึงจะกลับมาเอาเรือรบซึ่งทำไว้นั้นยกไปตีเมืองกังตั๋งอีกครั้งหนึ่ง สุมาเจียวได้ยินจงโฮยว่าดังนั้นก็ดีใจ จึงว่าท่านคิดการทั้งนี้เราเห็นชอบอยู่แล้ว ครั้นถึงวันกำหนดฤกษ์จงโฮยก็คำนับลาสุมาเจียวยกกองทัพไป

ฝ่ายว่าเซียวค้าเปนที่ขุนนางคนหนึ่ง เห็นจงโฮยยกกองทัพไปแล้วจึงเข้ามาว่าแก่สุมาเจียวว่า ซึ่งให้จงโฮยเปนแม่ทัพหลวงถืออาญาสิทธิ์คุมทหารยกไปตีเมืองเสฉวนครั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าจงโฮยนี้มีใจมักกำเริบคิดการใหญ่หลวงเหลือตัวนัก ข้าพเจ้ามิเต็มใจ สุมาเจียวจึงว่าอันนํ้าใจจงโฮยนั้น แต่ก่อนเราก็รู้อยู่แล้ว เซียวค้าจึงว่า เมื่อท่านสิรู้น้ำใจจงโฮยอยู่แล้ว เหตุไรท่านจึงมิให้ขุนนางที่สัตย์ซื่อกำกับไปด้วยเล่า สุมาเจียวจึงว่า อันจงโฮยนี้ประกอบไปด้วยน้ำใจกล้าแข็งในการสงครามนัก เห็นครั้งนี้จะตีเมืองเสฉวนได้เปนมั่นคง ถ้าแลเราจะให้ขุนนางกำกับจงโฮยไปนั้น เห็นว่าจงโฮยจะเสียนํ้าใจ จะทำการสงครามมิเต็มมือ ถ้าแลได้เมืองเสฉวนแล้ว พวกทหารทั้งปวงซึ่งไปด้วยนั้นเปนชาวเมืองเรา ต่างคนต่างก็จะคิดตั้งใจเอาความชอบ จะกลับมาหาบุตรภรรยา ถึงว่าจงโฮยจะคิดขบถต่อเรา เห็นทหารทั้งปวงก็จะหาเข้าด้วยไม่ ท่านอย่าวิตกเลยแล้วจึงกำชับว่า ซึ่งถ้อยคำเราพูดดังนี้ ท่านอย่าให้เนื้อความแพร่งพรายรู้ไปถึงผู้ใดได้

ฝ่ายว่าจงโฮยยกกองทัพมาพักอยู่กลางทาง จึงเรียกนายทหารผู้ใหญ่แปดสิบเข้ามาพร้อมกันแล้วว่า บัดนี้เรายกกองทัพมาตีเมืองเสฉวนครั้งนี้ เราจะจัดทหารเปนกองหน้ากองหนึ่งสำหรับจะทำทาง ถ้าพบภูเขาขวางหน้าก็จะให้ฝ่าภูเขาไป ถ้าแม้พบแม่น้ำก็จะให้ทำสะพานข้าม อย่าให้ทหารทั้งปวงซึ่งจะไปทำการณรงค์นั้นมีความลำบากได้ ผู้ใดจะอาสาเราทำดังนี้ได้บ้าง ฝ่ายเคาหงีซึ่งเปนบุตรเคาทูจึงว่า ข้าพเจ้าจะขออาสาท่านคุมทหารเปนกองหน้าเอง ทหารทั้งปวงได้ยินเคาหงีว่าดังนั้นจึงว่ากับจงโฮยว่า อันเคาหงีคนนี้มีฝีมือกล้าแข็งนัก สมควรเปนกองหน้าอยู่แล้ว

จงโฮยจึงว่าแก่เคาหงีว่า เคาทูผู้เปนบิดาของท่านนั้นก็เปนทหารมีฝีมือเข้มแขง ครั้งนี้ท่านจงคุมทหารห้าพันเปนกองหน้าไปแผ้วปราบทางให้ทหารกองทัพเดิรโดยสด วก ท่านอุตส่าหทำราชการให้เหมือนบิดาท่านให้ได้ ถ้าแลทำราชการโลเลให้เสียท่วงที เราจะเอาโทษแก่ท่านตามอาญาศึก เคาหงีก็รับตามคำ จงโฮยครั้นจัดแจงเสร็จแล้วจึงเขียนหนังสือให้ทหารไปบอกแก่เตงงายว่าเรายกกอง ทัพมาแล้ว ให้ท่านเร่งยกทหารไปพร้อมกันเมืองฮันต๋งเถิด ก็ยกทหารมาตามทางเมืองเสฉวน

ฝ่ายเตงงายยกจากเขากิสานมาตั้งอยู่แดนเมืองหลงเส ครั้นได้หนังสือสุมาเจียวให้มาดังนั้น จึงให้สุมาปองยกทหารกองหนึ่งไปตั้งสกัดหนทางเมืองเสเกี๋ยงไว้ หวังมิให้มาช่วยเมืองเสฉวนได้ แล้วให้ทหารไปหาจูกัดสูเจ้าเมืองหยงจิ๋ว แลอองกิ๋นเจ้าเมืองเทียนซุย คันห่องเจ้าเมืองหลงเส เอียวหัวเจ้าเมืองกิมเสีย ทั้งสี่หัวเมืองนั้นให้เร่งยกทหารมาพร้อมกัน ณ ค่าย เราจะได้คิดราชการกะเกณฑ์ ฝ่ายหัวเมืองทั้งสี่ครั้นรู้ว่าเตงงายให้หาดังนั้น ก็เร่งกะเกณฑ์รีบมาตามถ้อยคำ

ครั้นอยู่มาวันหนึ่งเวลาดึกเตงงายนอนหลับอยู่ในค่าย ฝันว่าไปยืนอยู่บนยอดเขาสูงอันหนึ่ง แลไปดูเมืองฮันต๋งแล้วก็เห็นนํ้าพุไหลออกจากตีนเขาทีตัวเหยียบอยู่นั้น ตกใจสดุ้งตื่นขึ้น ครั้นเวลาเช้าจึงให้หาเซียวหลวนเข้ามา แล้วเล่าความฝันนั้นให้ฟัง เซียวหลวนจึงทำนายว่าฝันนี้เปนมงคล ไปตีเมืองเสฉวนครั้งนี้เห็นจะได้ แต่ว่าซึ่งเห็นน้ำพุออกจากภูเขานั้น เห็นว่าครั้งนี้ตัวท่านจะไม่ได้กลับคืนไปเมืองลกเอี๋ยง

เตงงายได้ยินเซียวหลวนทำนายฝันดังนั้น ก็มีความโกรธนิ่วหน้านิ่งอยู่มิได้ว่าประการใด พอทหารถือหนังสือมาบอกว่า จงโฮยให้เร่งยกกองทัพไปพร้อมกัน ณ เมืองฮันต๋ง เตงงายรู้ดังนั้นก็ให้จูกัดสูคุมทหารหมื่นห้าพันยกไปตั้งสกัดต้นทางเกียงอุย ไว้ มิให้เข้าไปเมืองเสฉวนได้ แล้วให้อองกิ๋นคุมทหารหมื่นห้าพันเร่งยกไปตีทัพเกียงอุยทิศข้างขวา แล้วจึงให้คันห่องคุมทหารหมื่นห้าพันยกไปตีทัพเกียงอุยทิศข้างซ้าย แล้วจึงให้เอียวหัวคุมทหารหมื่นห้าพันเปนกองหนุนตีกระหนาบเกียงอุยข้างหลัง ครั้นจัดแจงกองทัพทั้งปวงแล้ว ส่วนตัวเตงงายนั้นคุมทหารสามหมื่นยกไป

ฝ่ายทหารกองตะเวนจึงมาบอกแก่เกียงอุยว่า บัดนี้กองทัพเมืองวุยก๊กยกมาแล้ว เกียงอุยครั้นรู้ดังนั้นจึงเขียนหนังสือเปนใจความว่า บัดนี้ทหารเมืองวุยก๊กยกกองทัพมาเปนทัพใหญ่อยู่ ขอท่านจึงให้เตียวเอ๊กคุมทหารไปรักษาด่านแฮเบงก๋วน แล้วให้เลียวฮัวคุมทหารไปตั้งอยู่สะพานอิ๋มเป๋งเกี๋ยว อย่าให้ข้าศึกล่วงเข้ามาได้ อนึ่งจึงให้ทหารถือหนังสือไปเมืองกังตั๋งให้เร่งยกมาช่วย แล้วให้ทหารถือไปให้ขุนนางผู้ใหญ่ ณ เมืองเสฉวน

ฝ่ายพระเจ้าเล่าเสี้ยนมีความรักฮุยโฮนัก พากันเสพย์สุรามิได้ขาด ไม่นำพาที่จะออกว่าราชการ ครั้นขุนนางผู้ใหญ่เอาหนังสือเกียงอุยซึ่งบอกมานั้นเข้าไปกราบทูล พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงเรียกฮุยโฮมาแล้วปรึกษาว่า บัดนี้เกียงอุยบอกว่าข้าศึกเมืองวุยก๊กยกกองทัพมา เกียงอุยจะให้เราจัดแจงทหารไปรักษาด่าน ท่านจะเห็นประการใด ฮุยโฮจึงว่า ซึ่งเกียงอุยบอกข่าวราชการมาทั้งนี้จะคิดเอาความชอบใส่ตัว หาเปนจริงดังว่ามาไม่ ขอพระองค์อย่าทรงพระวิตกเลย ข้าพเจ้ารู้จักยายท้าวคนหนึ่งชื่อสูโป๋ลงผีรู้แน่นักข้าพเจ้าจะไปหามาลงดู ถ้าเท็จจริงประการใดก็จะรู้แน่ พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ยินก็ดีใจ จึงให้ฮุยโฮไปรับยายท้าวเข้ามาในวัง

พระเจ้าเล่าเสี้ยนเห็นยายท้าวเข้ามาถึง แล้วเสด็จออกจุดธูปเทียนคำนับ ยายท้าวรับเครื่องสังเวยแล้วสยายผมรำเพลงกระบี่ต่าง ๆ ตามวิสัยเคยทำมาแต่ก่อน ครั้นอารักษ์ลงแล้วจึงบอกแก่พระเจ้าเล่าเสี้ยนว่า เราเปนพระเสื้อเมืองท่าน ๆ ให้เชิญเรามานี้มีธุระประการใด พระเจ้าเล่าเสี้ยนจึงว่า บัดนี้มีหนังสือมาบอกว่า ข้าศึกยกมาจะตีเมืองเรานั้นจะจริงหรือมิจริงประการใด ยายท้าวจึงบอกว่า ซึ่งข้าศึกยกมานี้หามาจริงไม่ ท่านอย่าคิดวิตกเลย อันบ้านเมืองของเรานี้จะอยู่เย็นเปนสุขอยู่หาเปนอันตรายไม่ นานไปเมืองวุยก๊กจะมานบนอบแก่ท่าน ว่าดังนั้นแล้วก็ล้มลงอารักษ์ก็ออกจากตัว

พระเจ้าเล่าเสี้ยนได้ยินยายท้าวว่าดังนั้นแล้วก็ดีใจ จึงพระราชทานเสื้อผ้าให้ตามสมควร ซึ่งมีหนังสือบอกมานั้นก็ไม่เชื่อฟังมิได้คิดการสืบไปเลย ชวนฮุยโฮเสพย์สุราทุกวันมิได้ขาด ตั้งแต่เกียงอุยบอกหนังสือมาเนือง ๆ ฮุยโฮก็ปิดเสียมิได้กราบทูลพระเจ้าเล่าเสี้ยน

ฝ่ายเคาหงีซึ่งคุมทหารเปนทัพหน้าจงโฮยก็รีบยกมาถึงด่านเมืองลำเต๋ง แล้วจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า จงเร่งเข้าตีด่านนี้ให้ได้ อันเมืองฮันต๋งก็จะได้โดยง่าย ทหารทั้งปวงได้ยินเคาหงีว่าดังนั้นก็ชวนกันโห่ร้องเข้าตีด่านลำเต๋ง

ฝ่ายว่าล่อซุนครั้นรู้ว่ากองทัพเมืองวุยก๊กยกมาแล้ว ก็เร่งกะเกณฑ์ทหารถือเกาทัณฑ์ไปตั้งซุ่มอยู่ริมป๊กเกียวที่หน้าด่าน ครั้นเคาหงียกทหารล่วงเข้ามา พวกทหารกองซุ่มเห็นก็จุดประทัดสัญญาขึ้นยกออกกระหนาบรบเอาเกาทัณฑ์ระดมยิง เปนสามารถ ทหารเคาหงีไม่ทันรู้ตัวก็เสียทีแตกกระจายไปหาทัพหลวง จึงแจ้งเนื้อความแก่จงโฮยทุกประการ

จงโฮยได้ฟังดังนั้นก็คิดสงสัย จึงพาทหารม้าร้อยหนึ่งรีบเข้าไปดู ฝ่ายทหารชาวด่านเห็นม้าควบดากันตรงเข้ามาก็ยิงเกาทัณฑ์กระหนํ่าออกไป จงโฮยแลทหารทั้งปวงมิอาจต้านทานไว้ได้ก็ชักม้าถอยกลับออกมา ล่อซุนอยู่ในด่านเห็นได้ทีดังนั้นก็ขับทหารไล่ออกมาถึงตีนสะพานปลายด่าน ฝ่ายซุนไคทหารจงโฮยเห็นชาวด่านไล่รุกออกมาดังนั้นก็หลีกเข้ายืนแอบอยู่ริม ทาง ได้ทีก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกล่อซุนตกจากหลังม้าตาย ทหารชาวด่านก็ตกใจต่างคนต่างแตกหนี จงโฮยก็ไล่ไปพอทหารกองหลังหนุนมาพร้อมกันก็เข้าตีเอาด่านลำเต๋งได้ จงโฮยครั้นมาอยู่ในด่านนายทัพนายกองทั้งปวงมาถึงแล้วจึงว่าแก่เคาหงีว่า ตัวอาสาเราเปนกองหน้าแล้วมาทำการให้เสียทีแก่ข้าศึกดังนี้ หากว่าซุนไคแก้ไว้เราจึงไม่เปนอันตราย โทษท่านนี้ถึงตาย จึงสั่งให้ทหารเอาตัวเคาหงีไปตัดสีสะเสีย ทหารทั้งปวงจึงว่า อันเคาทูผู้เปนบิดาเคาหงีแต่ก่อนมาก็ได้ทำความชอบอยู่ ซึ่งท่านจะฆ่าเคาหงีเสียนี้ข้าพเจ้าทั้งปวงจะขอโทษไว้ครั้งหนึ่ง

จงโฮยจึงว่า ซึ่งจะขอโทษเคาหงีผู้กระทำความผิดไว้นั้นไม่ได้อาญาสิทธิ์จะเสียไป ทหารทั้งปวงผู้จะกระทำสงครามไปข้างหน้าจะเอาเยี่ยงอย่างกัน ก็ให้เอาเคาหงีไปตัดสีสะเสียบไว้ แล้วจึงให้หาซุนไคมาว่า อันความชอบของท่านครั้งนี้มากนัก จึงให้ม้าแลเกราะแก่ซุนไคปูนบำเหน็จฝีมือ แล้วจงโฮยจึงให้ลิจวนคุมทหารกองหนึ่งยกไปตีเมืองก๊กเสีย จึงให้ซุนไคไปตีเมืองฮันเสีย ส่วนตัวจงโฮยนั้นยกทหารทั้งปวงไปด่านแฮเบงก๋วน

ฝ่านหูเหยียมนายด่านแฮเบงก๋วน ครั้นรู้ข่าวว่ากองทัพยกมาจึงปรึกษาเจียวสีว่า ครั้งนี้เราจะคิดอ่านทำการต่อสู้กับข้าศึกอย่างไรจึงจะดี เจียวสีจึงว่า กองทัพเมืองวุยก๊กมาครั้งนี้เปนทัพใหญ่ ซึ่งจะออกต่อรบด้วยเขานั้นเห็นไม่ได้ จงตั้งมั่นรักษาตัวเราอยู่แต่ในค่ายเถิด หูเหยียมจึงว่า ซึ่งท่านจะให้ตั้งมั่นอยู่ในด่าน ข้าศึกจะมิรุกรานไปตีเอาเมืองฮันเสียแลเมืองก๊กเสียทั้งสองหัวเมืองนี้ได้ หรือ ซึ่งท่านคิดนี้เราหาเห็นด้วยไม่ เจียวสีได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่มิได้ตอบคำ ขณะเมื่อหูเหยียมกับเจียวสีพูดกันอยู่นั้น พอทหารกองตะเวนมาบอกว่า บัดนี้กองทัพเมืองวุยก๊กตีมาถึงริมด่านแล้ว

หูเหยียมได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงพาเจียวสีขึ้นไปดูบนหอรบ เห็นจงโฮยผู้แม่ทัพขี่ม้ายืนชี้แซ่ร้องมาว่า ให้ชาวด่านเร่งออกมาอยู่ด้วยเราเถิด เราจะเลี้ยงไว้เปนทหารปูนบำเหน็จจงมาก ถ้าขัดแขงมิออกมาเราตีด่านได้แล้ว จะตัดสีสะชาวด่านทั้งปวงเสีย หูเหยียมมีความโกรธนักจึงให้เจียวสีอยู่ในด่าน ส่วนตัวหูเหยียมนั้นคุมทหารสามพันโห่ร้องไล่ตีทัพจงโฮยออกมา ฝ่ายจงโฮยครั้นเห็นชาวด่านรุกออกมาดังนั้น จึงให้ทหารทั้งปวงรายกันออกเปนกอง ๆ แกล้งทำเปนแตกหนี หูเหยียมเห็นดังนั้นก็ดีใจเร่งยกทหารตีออกมา จงโฮยเห็นได้ทีก็โบกธงให้ทหารเข้าตีกระหนาบพร้อมกัน หูเหยียมมิอาจที่จะสู้ได้ก็แตกหนีเข้าในด่าน

ฝ่ายเจียวสีเห็นหูเหยียมแตกกลับมาดังนั้นจึงให้ปิดประตูด่านเสีย แล้วร้องว่ากับหูเหยียมออกไปว่า บัดนี้เราเข้าแก่ข้าศึกแล้ว ท่านอย่ากลับเข้ามาอยู่ในด่านกับเราเลย หูเหยียมเห็นเจียวสีให้ปิดประตูด่านไว้แล้วร้องว่าออกมาดังนั้นก็โกรธ จึงร้องด่าเข้าไปว่าอ้ายขบถไม่คิดถึงคุณเจ้าแผ่นดิน มึงหาเปนชาติทหารไม่ ว่าแล้วก็กลับทหารเข้าต่อสู้กับจงโฮย ครั้นเห็นทหารอิดโรยจึงทอดใจใหญ่แล้วว่า เมื่อเรามีชีวิตอยู่ได้เปนข้าพระเจ้าเล่าเสี้ยน ถ้าเราหาชีวิตไม่แล้วจะขอเปนผีอยู่ในเมืองพระเจ้าเล่าเสี้ยน ครั้นว่าดังนั้นแล้วก็เอาทวนแทงตัวเข้าตาย ทหารทั้งปวงซึ่งมาด้วยนั้นก็ชวนกันแตกหนีไปสิ้น จงโฮยก็ได้ด่านแฮเบงก๋วน เจียวสีซึ่งอยู่ในด่านนั้นก็มาเข้านบนอบอยู่ด้วยจงโฮย ๆ จึงให้เสื้อผ้าตามสมควร แล้วก็หยุดทหารพักอยู่ในด่านนั้น ครั้นเวลาดึกได้ยินเสียงอื้ออึงมาก็พากันตกใจ จงโฮยครั้นเห็นทหารตกใจดังนั้น ก็ออกมาแลดูข้างทิศเหนือแล้วแลไปข้างทิศใต้ก็มิได้เห็นปรากฎเปนอันใด จงโฮยก็คิดสงสัยในใจนัก ครั้นเวลาเช้าจงโฮยก็ขี่ม้าพาทหารร้อยหนึ่งเที่ยวไปถึงชายเขาทิศใต้แห่ง หนึ่ง แลไปบนเนินเขาเห็นผงคลีขึ้นตระหลบอยู่ดังหนึ่งทหารมาตั้งอยู่ในที่นั้น จงโฮยจึงให้หานายบ้านซึ่งอยู่ชายเขานั้นมาถามว่าตำบลนี้ชื่อไร นายบ้านจึงบอกว่าเขาเตงกุนสาน แฮหัวเอี๋ยนยกกองทัพมาครั้งนั้นก็ตายในที่นี้ จงโฮยได้ยินดังนั้นก็พาทหารกลับมา ครั้นมาถึงกลางทางก็บังเกิดเปนพายุใหญ่มัดกลุ้มมาก็ตกใจ จงโฮยก็เร่งชักม้าหนีมา ครั้นเหลียวไปดูข้างหลังเห็นเปนทหารไล่ติดตามมาเปนอันมาก จงโฮยแลทหารทั้งปวงก็มีความครั่นคร้ามเร่งหนีมาลงด่านแฮเบงก๋วน จงโฮยจึงตรวจดูทหารทั้งปวงก็มาครบกันอยู่หาเปนอันตรายไม่ ทหารทั้งปวงจึงบอกแก่จงโฮยว่า ซึ่งทหารไล่ติดตามเรามาเมื่อกี้นี้ มาดินก็มีบ้างที่เหาะมาก็มีบ้างมิรู้ที่จะนับจะประมาณได้ครั้นติดตามมาทัน แล้วก็หายไป หาทำอันตรายแก่ข้าพเจ้าทั้งปวงไม่ จงโฮยจึงเรียกเจียวสีมาถามว่า ที่เขาเตงกุนสานนี้มีศาลเทพารักษ์อะไรอยู่บ้าง เจียวสีจึงบอกว่าหามีศาลเทพารักษ์ไม่ มีแต่กุฎิ์ศพขงเบ้งฝังอยู่ที่นั้น

จงโฮยครั้นรู้ว่าขงเบ้งแกล้งมาหลอกหลอน ครั้นเวลาเช้าจงโฮยจึงให้เอาเครื่องเส้นไปคำนับศพขงเบ้งแล้วกลับมา ครั้นเวลาคํ่าจงโฮยนอนหลับไปจึงฝันว่า เห็นคนหนึ่งเดิรเข้ามารูปร่างนั้นใหญ่สูงหน้านั้นขาวดังสีหยกมือหนึ่งถือพัด แต่งตัวทำเพศเปนอาจารย์เดิรเข้ามาใกล้ จงโฮยลุกขึ้นคำนับถามว่าท่านนี้ชื่อไร มาหาข้าพเจ้านี้จะประสงค์อะไร คนนั้นก็ไม่บอกชื่อ ว่าเรามาได้พบท่านวันนี้เพราะจะบอกความให้รู้ว่าพระเจ้าเล่าเสี้ยนสิ้นบุญ อยู่แล้ว ถ้าแลท่านได้เมืองเสฉวนก็เอนดูเถิด อย่าฆ่าอาณาประชาราษฎรเลย

จงโฮยได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งตื่นขึ้นมารู้ว่าขงเบ้งมาเยี่ยม แล้วจึงร้องประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า ครั้งนี้ตัวเราตีเมืองเสฉวนได้แล้ว อย่าให้ทหารผู้ใดฆ่าฟันชาวเมือง ถ้าแลผู้ใดมิฟังเราจะประหารชีวิตผู้นั้นเสีย แล้วจึงให้เอาธงขาวเขียนอักษรว่า เราผู้จะบำรุงราษฎรทั้งปวงให้เปนสุขแล้วก็เอาไปปักไว้หน้าค่าย ฝ่ายชาวเมืองฮันต๋งเมืองกักเสียวเมืองฮันเสีย ครั้นรู้ไปว่าจงโฮยมาครั้งนี้จะบำรุงราษฎรให้เปนสุข ต่างคนต่างก็ยินดีชักชวนกันมาเข้าด้วยจงโฮยเปนอันมาก

ฝ่ายเกียงอุยซึ่งตั้งอยู่ที่ค่ายหลงเส ครั้นรู้ว่ากองทัพเมืองวุยก๊กมาใกล้เข้าแล้ว จึงเขียนหนังสือให้ทหารรีบไปให้เตียวเอ๊กแลเลียวฮัวว่า ครั้งนี้ข้าศึกยกมาประชิดเราแล้ว ให้ท่านทั้งสองนายเร่งยกมาช่วยเปนการเร็ว แล้วเกียงอุยตระเตรียมทหารยกออกไปต่อสู้ด้วยข้าศึก

ฝ่ายอองกิ๋นครั้นเห็นเกียงอุยยกกองทัพออกมาแล้ว ก็ขับม้าขึ้นไปหน้าทหาร แล้วร้องว่ากับเกียงอุยว่า ทหารพวกเรายกกองทัพมาครั้งนี้ยี่สิบทาง ทหารประมาณร้อยหมื่น ซึ่งเมืองเสฉวนนั้นเราก็ตีได้แล้ว ท่านจงเร่งมานบนอบเราเถิด ซึ่งจะมาตั้งรบอยู่ฉนี้เห็นหาบังควรไม่

เกียงอุยได้ยินดังนั้นก็มีความโกรธนัก จึงขับม้าเข้าสู้ด้วยอองกิ๋นได้ประมาณเก้าเพลงสิบเพลง อองกิ๋นสู้มิได้ก็ถอยหนี เกียงอุยเห็นดังนั้นก็เร่งให้ทหารไล่ติดตามไปทางประมาณร้อยเส้น อองกิ๋นหลบเข้าเสียข้างทาง ต้นหองคุมทหารซุ่มอยู่ก็ออกมาสกัดหน้าเกียงอุยไว้ เกียงอุยจึงร้องไปว่า ทหารฝีมือเช่นมึงนี้จะมาสู้กูที่ไหนได้ ว่าแล้วก็ขับทหารเข้าต่อรบด้วยต้นหองได้ประมาณสิบเพลง ต้นหองสู้เกียงอุยมิได้ก็ถอยหนีไปทางประมาณร้อยเส้น เกียงอุยได้ทีไล่ติดตามไปจนถึงกองทัพเตงงาย ๆ เห็นดังนั้นก็ออกไปต่อรบด้วยเกียงอุยได้สิบห้าเพลงไม่แพ้ชนะกัน

ฝ่ายอองกิ๋นแลต้นหองซึ่งแตกหลบหนีเข้าอยู่ริมทางนั้น ครั้นเกียงอุยเข้าต่อสู้อยู่กับเตงงาย ก็ให้ทหารโห่ร้องตามมาตั้งล้อมเกียงอุยไว้รบพุ่งกันเปนสามารถ เกียงอุยเห็นเหลือกำลังนักต้านทานมิได้ก็พาทหารฝ่าหนีไปเข้าค่าย ตั้งมั่นไว้มิได้ออกมาต่อสู้หวังจะคอยกองทัพข้างหลังจะยกมาช่วย

ฝ่ายม้าใช้จึงเอาข่าวมาแจ้งแก่เกียงอุยว่า บัดนี้จงโฮยยกกองทัพเข้าตีด่านแฮเบงก๋วนฆ่าหูเหยียมตาย เจียวสีนั้นสมัคเข้ากับข้าศึกยกด่านแฮเบงก๋วนให้แก่จงโฮยแล้ว ซึ่งเมืองกักเสียวแลเมืองฮันเสียนั้นรู้ว่าด่านแฮเบงก๋วนเสียแล้วก็ชวนกัน เข้าแก่ข้าศึก จงโฮยได้เมืองฮันต๋งด้วยแล้ว เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็เสียนํ้าใจนักจะตั้งอยู่ที่นั้นมิได้ ครั้นเวลาคํ่าเกียงอุยก็เลิกทัพหนีจะไปเมืองเสฉวน ครั้นมาถึงกลางทางพบทหารกองหนึ่งตั้งสกัดอยู่ชื่อว่าเอียวหัว เกียงอุยจะไปไม่ได้ก็มีความโกรธ จึงควบม้ารำทวนเข้าต่อรบกับเอียวหัวได้สามเพลง เอียวหัวต่อสู้เกียงอุยมิได้ก็แตกหนี เกียงอุยได้ทีควบม้าไล่ยิงเกาทัณฑ์มาทั้งสามทีมิได้ถูกเอียวหัว เกียงอุยมีความขัดใจนักก็ทิ้งเกาทัณฑ์เสีย รำเพลงทวนไล่มาตามทาง พอม้าพลาดล้มลงเกียงอุยตกจากหลังม้า เอียวหัวก็ชักม้ากลับมาถึงเงื้อทวนขึ้นจะแทง พอเกียงอุยลุกขึ้นได้ปัดทันเอาทวนแทงถูกม้าเอียวหัว ๆ ชักม้าหนี เกียงอุยกลับขึ้นม้าของตัวได้จะไล่เอียวหัวมา พอเตงงายรู้ว่าเกียงอุยหนีแล้วก็เร่งติดตามมาทันเข้าที่นั้น ก็ให้ทหารต่อรบเกียงอุย ๆ เห็นเหลือกำลังที่จะต้านทาน จะหนีเข้าเมืองเสฉวนก็ไม่ได้ ก็ชักม้าลัดทางหนีคิดจะไปตีเอาเมืองฮันต๋งคืน ครั้นมาถึงกลางทางพอพบม้าใช้ควบม้ามาบอกว่า ท่านจะไปทางนี้ไม่ได้ เห็นจูกัดสูเจ้าเมืององจิ๋วซึ่งเปนทหารเมืองวุยก๊กตั้งกองสกัดอยู่สะพานอิม เปงเกี๋ยว เกียงอุยได้ยินดังนั้นก็ทอดใจใหญ่แล้วจึงว่า ข้างหน้าก็สกัดข้างหลังก็รุกเข้ามา ครั้งนี้เทพดาจะแกล้งผลาญชีวิตเรามั่นคงแล้ว เบงซุยได้ยินจึงว่า อันจูกัดสูนี้อยู่เมืององจิ๋ว บัดนี้ทิ้งเมืองไว้ยกมาทำการ ขอท่านจงเร่งลัดไปทำการตีเอาเมืององจิ๋วเถิด ถ้าจูกัดสูรู้ก็จะรีบไปเมือง แล้วเราจึงวกกลับมาตั้งอยู่ด่านเกียมโกะคิดอ่านตีเอาเมืองฮันต๋งคืนให้ได้ เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงยกกองทัพไปตามคำเบงซุยว่า

ฝ่ายจูกัดสูครั้นม้าใช้มาบอกว่า บัดนี้มีกองทัพลัดจะไปตีเมืององจิ๋ว จูกัดสูตกใจจึงให้ทหารอยู่รักษาค่ายสองร้อยคน แล้วยกกองทัพเร่งลัดติดตามไปเมืององจิ๋ว

ฝ่ายเกียงอุยครั้นยกมาถึงทางประมาณสามร้อยเส้นแล้ว ก็คิดว่าจูกัดสูนี้เห็นว่าเราจะยกไปเมืององจิ๋ว เห็นทีจะยกลัดไปรักษาเมืององจิ๋วเปนมั่นคง ครั้นเกียงอุยคิดดังนั้นก็ยกทหารรีบกลับมาสะพานอิมเป๋งเกี๋ยวที่ค่ายจูกัดสู เก่า เห็นมีแต่ทหารรักษาค่ายอยู่ประมาณสองร้อยคน เกียงอุยก็ให้ทหารเข้าตีเอาค่ายได้ จึงให้เอาไฟเผาค่ายนั้นเสีย แล้วก็รีบยกไปตามทางเกียมโก๊ะ

ฝ่ายจูกัดสูจะไปเมืององจิ๋ว ครั้นเหลียวไปดูข้างหลังเห็นไฟไหม้ขึ้นที่ค่ายเก่าของตัว ก็เข้าใจว่าเกียงอุยทำกลลวงเผาค่ายเสีย จูกัดสูมีความโกรธนักก็มิได้ไปเมืององจิ๋ว ยกทหารกลับมาด่านอิมเป๋งเกี๋ยว เห็นค่ายไหม้เสียสิ้น ตัวเกียงอุยนั้นหนีไปได้ก็มิได้ติดตามไป จึงให้ทหารทำค่ายตั้งมั่นอยู่

ฝ่ายเกียงอุยก็ยกไปด่านเกียมโกะ ครั้นไปถึงกลางทางพบทัพเตียวเอ๊กกับเลียวฮัวสองนายก็มีความยินดีจึงเล่าให้ ฟังว่า บัดนี้ข้าศึกเมืองวุยก๊กมาเปนหลายทาง ตีหัวเมืองเราได้เปนหลายหัวเมืองแล้ว แต่เราบอกหนังสือไปถึงพระเจ้าเล่าเสี้ยนให้ท่านเร่งมาช่วย เหตุใดจึงไม่เห็นท่านยกมา เตียวเอ๊กเลียวฮัวจึงบอกว่า พระเจ้าเล่าเสี้ยนทุกวันนี้ลุ่มหลงรักฮุยโฮนัก ชวนกันเสพย์สุรามิได้ขาด ไม่นำพาที่จะคิดราชการบ้านเมืองเลย ซึ่งข้าพเจ้ายกกองทัพมานี้ด้วยรู้ว่า ข้าศึกเข้าห้อมล้อมท่านไว้จึงยกมาช่วย พระเจ้าเล่าเสี้ยนหาได้สั่งให้ข้าพเจ้ามาไม่

เกียงอุยได้ฟังดังนั้นก็ขอบใจนัก จึงว่าแก่เตียวเอ๊กเลียวฮัวว่า ครั้งนี้ข้าศึกมันทำจลาจลแก่เรานัก บัดนี้เราจะไปตั้งอยู่ที่ไหนจึงจะดี เตียวเอ๊กเลียวฮัวจึงว่า ขอให้ท่านยกไปตั้งอยู่ตำบลด่านเกียมโก๊ะเถิด ข้าพเจ้าเห็นว่าภูมิฐานคับขันชอบกลดี เราจะจัดแจงซ่องสุมทหารพรักพร้อมแล้ว ได้ท่วงทีประการใดจึงจะค่อยคิดทำการตีเอาเมืองฮันต๋งคืน เกียงอุยเห็นชอบด้วยก็ยกทหารไป

ฝ่ายตังขวดนายด่านเห็นเกียงอุยยกทหารมาดังนั้น ไม่รู้ว่าเกียงอุยก็ตกใจสำคัญว่าข้าศึกยกมา ก็ตระเตรียมทหารจะออกรบ ม้าใช้เข้าไปแจ้งว่าเกียงอุยยกมาก็มีความยินดี จึงรีบออกไปต้อนรับ ต่างคนต่างคำนับกันแล้วก็พากันเข้ามา ตังขวดจึงร้องไห้บอกแก่เกียงอุยว่า บัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนนายเราเชื่อถือถ้อยคำฮุยโฮ สารวลเสพย์สุรามิได้ออกว่าราชการบ้านเมืองเลย จนเปนอันตรายถึงเพียงนี้แล้วจะคิดประการใด

เกียงอุยจึงว่า ท่านอย่าปรารมภ์ทุกข์ร้อนไปเลย ตัวเราชื่อว่าเกียงอุยยังมีชีวิตอยู่มิตาย ก็จะคิดแก้แค้นตีเอาเมืองฮันต๋งคืนให้ได้ แต่ทว่าบัดนี้เราจะซ่องสุมทหารตั้งมั่นอยู่ที่นี่ก่อนจึงค่อยคิดการสืบไป ตังขวดจึงว่า ท่านว่านี้ก็ชอบอยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้ามีความวิตกอยู่ถึงเมืองเสฉวนนัก ด้วยข้าศึกมีใจกำเริบเห็นจะไปทำอันตรายเปนมั่นคง เกียงอุยจึงว่า ท่านปรารมภ์นี้ก็ชอบ แต่ว่าเมืองเสฉวนเปนทางกันดารมีซอกห้วยธารเขามาก ซึ่งข้าศึกจะล่วงไปทำอันตรายเห็นขัดสนอยู่ ถึงมาทว่าจะตีเมืองเสฉวนได้เราก็จะคิดไปตีคืนเอา สู้ตายมิให้น้อยหน้าแก่ทหารเมืองวุยก๊กเลย พอพูดกันสิ้นคำลงม้าใช้เข้ามาบอกว่า บัดนี้จูกัดสูยกทหารตามมาถึงท้ายด่านแล้ว

เกียงอุยได้แจ้งดังนั้นก็มีความโกรธนัก คุมทหารห้าพันรีบยกออกไปรบด้วย จูกัดสูขับทหารฟันเข้าไปเปนสามารถ ทหารจูกัดสูล้มตายลงเปนอันมาก จูกัดสูต่อสู้ด้วยมิได้ก็แตกหนีพาทหารไปตั้งค่ายอยู่ไกลด่านประมาณสองร้อย เส้น เกียงอุยมีชัยชนะเก็บได้ม้าลาแลเครื่องศัสตราวุธเปนอันมากก็ยกกลับมาด่าน

ฝ่ายจูกัดสูครั้นรู้ว่าจงโฮยยกทหารมาถึงแล้ว ก็เอาเนื้อความไปแจ้งทุกประการ จงโฮยก็โกรธจึงว่า เราได้กำชับท่านให้ตั้งสกัดทางอยู่อย่าให้เกียงอุยหนีได้ต่างหาก จะได้สั่งให้ท่านยกไปตีด่านทางก็หาไม่ เหตุใดจึงละเมิดมิได้อยู่ในบังคับแม่ทัพแม่กองทำตามลำพังใจของตัวให้เสีย ทหารทั้งนี้มิชอบ ก็สั่งให้ทหารเอาตัวจูกัดสูไปฆ่าเสีย ขณะนั้นอุยก๋วนนายทหารจึงว่าแก่จงโฮยว่า อันจูกัดสูคนนี้เปนคนสนิธของเตงงาย ๆ รักใคร่ได้พิททูลเสนอตั้งแต่งให้เปนขุนนาง ถึงมาทว่าทำผิดประการใดก็ดีท่านจะฆ่าเสียตามลำพังนั้นก็มิได้ ชอบจะบอกกล่าวแก่เตงงายก่อน ซึ่งท่านทำทั้งนี้รู้ถึงเตงงายก็จะน้อยใจว่าท่านดูหมิ่น จะมิผิดใจกันเสียหรือ

จงโฮยจึงว่า ตัวเราเปนแม่ทัพพระเจ้าโจฮวนก็ให้อาญาสิทธิ์มาแก่เรา ทั้งสุมาเจียวมหาอุปราชก็กำชับสั่งมาทุกประการ อย่าว่าแต่เราฆ่าจูกัดสูเสียเลย ถึงตัวเตงงายแม้ทำให้ผิดบังคับบัญชาเราก็จะฆ่าเสียเหมือนกัน ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็อ้อนวอนขอโทษจูกัดสูไว้ จงโฮยเห็นทหารทั้งปวงวอนขอก็ยกโทษให้มิได้ฆ่าเสีย จึงสั่งให้จำจูกัดสูบอกส่งตัวไปถึงสุมาเจียวมหาอุปราช ณ เมืองลกเอี๋ยง

ขณะนั้นทหารรู้กิตติศัพท์ว่าจงโฮยทำโทษจูกัดสู ก็เอาเนื้อความเข้าไปแจ้งแก่เตงงาย ๆ รู้ดังนั้นก็โกรธจึงว่า จงโฮยนี้ก็เปนขุนนางเหมือนกับเรา จะมีความชอบประการใดนักก็หาไม่ ตัวเราก็ออกมาสู้ยากอยู่รักษาด่านทางมีความชอบยิ่งกว่าจงโฮยอีก จงโฮยได้เปนแม่ทัพออกมาครั้งเดียวนี้ตั้งตัวเปนใหญ่มีใจกำเริบทำราชการมิได้ คิดไว้หน้าเราเลย เตงต๋งผู้บุตรรู้ว่าบิดาโกรธจึงห้ามว่า การผิดพลั้งแต่เพียงนี้ควรจะอดเสียเอาราชการก่อน แม้บิดามิดับความโกรธพยาบาทในท่ามกลางสงครามนี้ก็จะเสียราชการไป ถ้าสำเร็จราชการศึกแล้ว จึงค่อยว่ากล่าวกันตามประเพณีเถิด

เตงงายได้ฟังบุตรห้ามก็เห็นชอบด้วย จึงพาทหารประมาณสิบสี่สิบห้าคนขึ้นม้ารีบไปถึงค่ายจงโฮย ๆ ก็แจ้งว่ามาโดยปรกติ จึงออกมารับเอาเข้าไปในค่าย ต่างคนต่างคำนับกันตามประเพณี แล้วเตงงายจึงว่า ครั้งนี้ท่านมาทำการตีได้เมืองฮันต๋ง ก็เปนความชอบใหญ่หลวงนัก ทแกล้วทหารทั้งปวงก็ชวนกันสรรเสริญปัญญาความคิดของท่านมาก ขอท่านได้คิดอ่านทำการต่อไปตีเอาด่านเกียมโกะให้ได้ จงโฮยจึงถามว่า ความคิดของท่านจะให้ตีเอาด่านเกียมโกะนั้น จะทำประการใด

เตงงายจึงว่า ข้าพเจ้านี้สติปัญญาน้อย จะคิดอ่านทำการขัดสนอยู่ ข้าพเจ้าจะพึ่งปัญญาความคิดของท่านอีก จงโฮยมิฟังเฝ้าถามถึงสามครั้งสี่ครั้ง เตงงายขัดมิได้จึงบอกว่า ข้าพเจ้าเห็นว่าจะไปตีเมืองเสฉวนนี้ มีทางเข้าไปเปนหลายทางอยู่ ขอให้ท่านแต่งทหารกองหนึ่งยกไปทางตกหยง ล่อกองทัพเมืองเสฉวนไว้ให้เห็นเปนว่าจะตีเข้าไปทางนั้น เล่าเสี้ยนก็จะแต่งกองทัพออกมารับเรา ฝ่ายเกียงอุยรู้ก็จะทิ้งด่านเสีย เพราะเห็นว่าเรายกล่วงมาทางนี้ก็จะมาช่วยกัน ท่านจงแต่งทหารกองหนึ่งให้ยกลอบไปทางอิมเป๋ง ชิงเอาด่านเกียมโกะก็เห็นจะได้โดยสดวก ถ้าได้ด่านเกียมโกะแล้ว ด่านทั้งปวงก็จะสำเร็จโดยเร็ว

จงโฮยได้ฟังดังนั้นก็ทำเปนยินดี จึงว่าถ้าฉนั้นท่านยกทหารล่วงเข้าไปทางอิมเป๋งก่อนเถิด เราจะตั้งรออยู่ที่นี่ก่อน แม้ท่านฉุกเฉินประการใด เราจึงจะยกทหารอุดหนุนไปช่วยให้ทันที เตงงายได้ฟังจงโฮยว่าดังนั้นคำนับแล้วก็ลาออกมา

ฝ่ายจงโฮยเห็นเตงงายออกไปแล้วจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า คนทั้งปวงสรรเสริญเตงงายว่ามีปัญญาความคิดมากนั้น แต่ก่อนเราคิดว่าจริง มาบัดนี้เราเห็นเตงงายคิดอ่านทำการทั้งปวงดังหนึ่งคนโง่หาปัญญามิได้ ทหารทั้งปวงจึงถามว่าเหตุใดท่านจึงมาว่าดังนี้ จงโฮยจึงบอกว่า ทางอิมเป๋งนั้นเปนซอกเขาคับแคบจำเพาะนัก จะเดิรกองทัพก็ขัดสน ควรหรือเตงงายคิดอ่านจะยกทหารเข้าไปทางอิมเป๋งเหมือนเดิรในจั่น แม้ข้าศึกจะยกมาสกัดทางไว้มิมากแต่สักร้อยคนก็มิอาจจะหักออกมาได้ ทหารทั้งปวงก็จะอดเข้าตาย นี้หรือนับถือเตงงายว่ามีปัญญา ถ้ามีความคิดจริงเหมือนเขาว่า ที่ไหนเตงงายจะเจรจาฉนี้เล่า อันความคิดของเราซึ่งจะเข้าไปตีเมืองเสฉวนครั้งนี้ จะยกพลทหารเดิรตามทางใหญ่มิพักไปทางน้อยให้ลำบาก จะเอาเมืองเสฉวนให้จงได้ ว่าแล้วก็สั่งทหารทั้งปวงให้ทำบันไดแล้วจัดแจงการพร้อมไว้

ฝ่ายเตงงายเดิรมาตามทางจึงถามทหารทั้งปวงว่า เราเข้าไปเจรจาด้วยจงโฮยเมื่อตะกี้ท่านยังเห็นกิริยาอาการจงโฮยนั้นยำเกรง นับถือความคิดของเราอยู่หรือ ทหารจึงบอกว่า ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูท่วงทีจงโฮยเมื่อสนทนาอยู่กับท่านนั้นเห็นไม่เชื่อถือ แต่ทว่าเกรงใจก็ซังตายรับแต่ปากดอก เตงงายจึงว่า จงโฮยนี้สำคัญว่าเราจะตีเอาเมืองเสฉวนมิได้ จึงดูหมิ่นประมาทเรา ๆ จะอุตส่าห์ทำการแก้ไขตีเอาให้จงได้ ครั้นเตงงายมาถึงค่ายแล้วก็ให้ตระเตรียมทหารทั้งปวงพร้อมทุกหมวดทุกกอง ก็รีบยกไปทั้งกลางวันกลางคืน

จงโฮยรู้ว่าเตงงายยกไปก็หัวเราะ ว่าซึ่งเตงงายจะยกไปตีเอาเมืองเสฉวนนั้นเราไม่เห็นที่จะสำเร็จเลย ครั้นเตงงายยกมาทางประมาณหกร้อยเส้น ถึงปากทางซึ่งเข้าไปในทางอิมเป๋งจึงให้พักทหารอยู่ แล้วบอกหนังสือไปแจ้งแก่สุมาเจียว ณ เมืองลกเอี๋ยงตามข้อราชการ จึงให้ประชุมทหารทั้งปวงพร้อมกันแล้วว่า บัดนี้เราจะยกลอบเข้าไปตีเอาเมืองเสฉวน ท่านทั้งปวงจงอุตส่าห์ทำการอย่าได้เกียจคร้าน แม้นสำเร็จการแล้วก็จะมีความชอบเปนอันมาก อนึ่งก็จะปรากฎชื่อเสียงไปภายหน้า ผู้ใดจะเปนใจด้วยเราบ้าง ทหารทั้งปวงต่างคนรับคำว่าข้าพเจ้าจะขอทำการอาสาท่านกว่าจะสิ้นชีวิต ถึงจะตายก็มิได้อาลัยเลย

เตงงายได้ฟังดังนั้นก็ยินดี จึงให้เตงต๋งผู้บุตรคุมทหารห้าพัน ให้มีขวานแลสิ่วครบมือพากันยกไปเปนกองหน้าสำหรับชำระหนทาง สั่งกำชับว่าที่ใดลุ่มให้เกลี่ยถมเสียให้ราบ แลทำสะพานเดิรให้สดวก อนึ่งศิลาฉง้อนขวางหนทางอยู่ก็ให้เอาเพลิงสุมชำระเสียอย่าให้กีดขวางอยู่ได้ ครั้นให้กองชำระทางไปแล้ว ก็ให้ทหารสามหมื่นเอาเข้าตากใส่ไถ้คาดเอว มีเชือกสำหรับจะหน่วงขึ้นเขาแลลงห้วยทุกคนพร้อมแล้วก็รีบยกไป จึงให้ตั้งค่ายเปนระยะกันทางสองร้อยเส้นมีค่ายลูกหนึ่ง เกณฑ์ทหารรักษาเสมอค่ายละสามพันคนทุกตำบล แลเตงงายยกมาทางอิมเป๋งครั้งนั้นได้ยี่สิบวัน สงัดเสียงผู้คนทั้งปวง ได้ยินแต่เสียงนกร้องในป่า แต่ตั้งค่ายเรียดมาตามระยะทางนั้นจนเหลือทหารตามอยู่แต่สองพันคน

ครั้นมาถึงเขาแห่งหนึ่งชื่อมอเทียนเนียสูงกว่าสูงนัก จะขี่ม้าขึ้นไปมิได้ ทหารทั้งปวงก็ลงจากม้าชักบังเหียนเสียสิ้น ชวนกันปีนขึ้นไปแต่ตัวเปล่า เตงงายเห็นทหารกองหน้าซึ่งไปชำระทางนั้นนั่งร้องไห้อยู่ จึงให้หามาถามว่าท่านร้องไห้ด้วยอันใด ทหารจึงบอกว่า ซึ่งข้าพเจ้าชำระทางมาแต่หลังนั้นก็พอกำลังทำมาได้ แต่ต่อไปข้างหน้านี้มีเขาเปนชงักตรงลงไปเห็นสุดกำลังที่ชำระได้ ข้าพเจ้าทั้งปวงจึงนั่งร้องไห้อยู่

เตงงายจึงบอกว่า เราอุตส่าห์ทำความเพียรมาถึงเจ็ดพันเส้น จวนจะได้ความชอบอยู่แล้ว ควรหรือท่านทั้งปวงจะมาละความเพียรเสียเล่า ไปอีกหน่อยหนึ่งก็จะถึงเมืองอิวกั๋ง เราทั้งหลายก็จะได้ความสุขดอก จงอุตส่าห์เพียรทำไปสักหน่อยเถิด ถึงมาทว่าหนทางเปนหน้าผาโตรกชงักอยู่ก็ดี เราจะเอาเชือกสายห้อยต่อลงไปให้จงได้ ทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้นก็ชวนกันยกไป ครั้นถึงหน้าผาเปนชงักก็เอาอาวุธผูกเชือกหย่อนลงไปก่อน แล้วทหารทั้งปวงก็ยุดเชือกห้อยตัวลงมา ครั้นพร้อมกันแล้วก็ยกไปทางประมาณสามสิบเส้น เห็นค่ายลูกหนึ่งตั้งอยู่ที่ปากทาง จึงถามชาวบ้านป่าว่าค่ายผู้ใด

ชาวบ้านป่าจึงบอกว่า ค่ายอันนี้เมื่อขงเบ้งยังไม่ตายนั้นมาตั้งไว้ เกณฑ์ให้ทหารรักษาอยู่พันหนึ่ง บัดนี้พระเจ้าเล่าเสี้ยนให้เลิกทหารกลับไปเสีย เตงงายแจ้งดังนั้นจึงว่า ขงเบ้งนี้มีปัญญาสามารถนัก ถ้าเราได้เปนศิษย์ขงเบ้งแล้ว แม้นเราจะทำการสงครามมิได้กลัวผู้ใดเลย เปนบุญของเราหนักหนาเผอิญให้พระเจ้าเล่าเสี้ยนเลิกทหารไปเสีย ถ้าทหารทั้งปวงยังรักษาอยู่ตามบังคับของขงเบ้ง ที่ไหนเราทั้งนี้จะมีชีวิตอยู่ ก็จะพากันตายเสียสิ้น ทีนี้สมความปราถนาเราแล้ว เมืองอิวก๊กก็จะไม่พ้นมือเรา เข้าปลาอาหารในตำบลนั้นก็บริบูรณ์ นัก เราจะรีบไปตีอย่าให้ทันรู้ตัว ครั้นปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงแล้วก็ยกไป

Download

กรุณาแสดงความคิดเห็น

ชื่อ

กวนอู,67,การ์ตูน,19,การเมือง,77,กิจกรรม,17,เกม,160,ขงเบ้ง,94,ของสะสม,40,ข่าวสาร,117,คำคมสามก๊ก,77,จิวยี่,5,จูล่ง,21,โจโฉ,66,ซุนกวน,7,เตียวหุย,11,เนื้อหาสามก๊ก,5,บทความ,353,บุคคลภาษิตในสามก๊ก,12,แบบเรียน,8,ปรัชญา,45,เพลง,41,ภาพยนตร์,53,รูปภาพ,67,ลิโป้,9,เล่าปี่,18,วิดีโอ,65,วิธีคิดวิธีทำงาน,13,เว็บไซต์,14,สถานที่,21,สามก๊ก12,14,สามก๊ก13,32,สามก๊ก14,3,สามก๊ก2010,95,สามก๊ก8,1,สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน),87,สุมาอี้,15,หงสาจอมราชันย์,13,หนังสือ,173,อาวุธ,7,แอป,43,Dynasty Warriors,57,E-book,87,
ltr
item
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy: สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85
สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85
eBook สามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง(หน) ตอนที่ 85
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEKzaI4f6C5q4I5WAn832XxUIqjiavnAlx74MaiSSFEdBDh-evwE0h4ZoYHjKz5GbvSwpDnFA-DRiPGezqyvtG6iu09yV5oz-b-ZeKLhX62GQ0SRoZcyAFewrdcJ75ylHnLxC1rUWtvqc/w452-h640/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588-%25E0%25B9%2598%25E0%25B9%2595.jpg
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhEKzaI4f6C5q4I5WAn832XxUIqjiavnAlx74MaiSSFEdBDh-evwE0h4ZoYHjKz5GbvSwpDnFA-DRiPGezqyvtG6iu09yV5oz-b-ZeKLhX62GQ0SRoZcyAFewrdcJ75ylHnLxC1rUWtvqc/s72-w452-c-h640/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581-%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588-%25E0%25B9%2598%25E0%25B9%2595.jpg
สามก๊กวิทยา : Three Kingdoms Academy
https://www.samkok911.com/2017/02/samkok-ebook-85.html
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/
https://www.samkok911.com/2017/02/samkok-ebook-85.html
true
4216477688648787518
UTF-8
โหลดเนื้อหาทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ดูทั้งหมด อ่านเพิ่ม ตอบ ยกเลิกการตอบ ลบ โดย หน้าแรก หน้า โพสต์ ดูทั้งหมด เรื่องแนะนำสำหรับคุณ หมวดหมู่บทความ เนื้อหาในช่วงเวลา ค้นหา บทความทั้งหมด ไม่พบเนื้อหาที่คุณต้องการ กลับหน้าแรก Sunday Monday Tuesday Wednesday Thursday Friday Saturday Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat January February March April May June July August September October November December Jan Feb Mar Apr May Jun Jul Aug Sep Oct Nov Dec just now 1 minute ago $$1$$ minutes ago 1 hour ago $$1$$ hours ago Yesterday $$1$$ days ago $$1$$ weeks ago more than 5 weeks ago Followers Follow THIS PREMIUM CONTENT IS LOCKED STEP 1: Share to a social network STEP 2: Click the link on your social network Copy All Code Select All Code All codes were copied to your clipboard Can not copy the codes / texts, please press [CTRL]+[C] (or CMD+C with Mac) to copy สารบัญ